
Longevity สำหรับผู้ชาย ทำไงให้ไม่ใช่แค่อยู่นาน แต่อยู่ให้ดี และยังดูเท่

คุณเคยแอบคิดไหมว่า…“ถ้าอายุยืนแต่ร่างกายโทรม ป่วยบ่อย ต้องให้คนดูแล จะมีความหมายอะไร?” คำถามนี้เองที่ทำให้คำว่า Longevity (ลองจิวิตี้) ซึ่งหมายถึงการมีอายุยืนควบคู่กับสุขภาพแข็งแรงและคุณภาพชีวิตที่ดี ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่ง Netflix ได้นำเสนอสารคดี “Don't Die: The Man Who Wants to Live Forever” ที่บอกเล่าเรื่องราวของ Bryan Johnson สร้างโปรเจกต์ Blueprint ทุ่มงบปีละกว่า 70 ล้านบาท พร้อมทีมแพทย์กว่า 30 คน เพื่อทำภารกิจสุดโต่ง “ย้อนวัยร่างกาย” ให้กลับไปเหมือนหนุ่มอายุ 18 อีกครั้ง ประเด็นของ Longevity ก็ "จุดติด" จนกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก
Longevity อยู่นาน VS อยู่ดี
ในยุคที่เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนาไปไกล เราอาจมีโอกาสอยู่ถึง 80–90 ปีหรือมากกว่า แต่คำถามคือ เราจะอยู่แบบไหน? แข็งแรง หัวเราะได้เต็มเสียง หรืออยู่แบบต้องนั่งพิงเตียงพร้อมยาหลายขวดทุกวัน
หลายคนเข้าใจว่า Longevity คือ Lifespan หรือจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่ แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่สำคัญกว่าคือ Healthspan ช่วงเวลาที่คุณมีสุขภาพดีและยังทำสิ่งที่รักได้อย่างอิสระต่างหาก
- Lifespan: อยู่กี่ปี
- Healthspan: อยู่ดีแค่ไหนในแต่ละปี
ลองนึกภาพผู้ชายสองคน อายุ 85 เท่ากัน
คนแรกยังเดินออกกำลังกายตอนเช้า ขี่จักรยานไปเจอเพื่อน และหัวเราะได้เต็มเสียง อีกคนต้องนอนติดเตียง มีโรคเรื้อรัง และพึ่งพาคนอื่นตลอด
ทั้งคู่มี Lifespan เท่ากัน แต่ Healthspan ต่างกันอย่างสิ้นเชิง และนี่คือเหตุผลที่ Longevity กลายเป็นคำสำคัญของยุคนี้
ปัจจัยที่กำหนด Longevity 25% มาจากพันธุกรรม (Genetics) ส่วนอีก 75% เรายังมี "โอกาส" กำหนดหรือเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากก็น้อย
Longevity สำหรับผู้ชาย โฟกัสอะไรบ้าง
1. กินอาหารเพื่อบำรุงเซลล์ ไม่ใช่แค่ให้อิ่ม
เน้น
- พืช ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชเต็มเมล็ด
- โปรตีนคุณภาพดี ปลา ไก่ ไข่ เต้าหู้
- ไขมันดี อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่ว
ลด
- อาหารแปรรูป
- น้ำตาล
- เกลือ
- ไขมันทรานส์
2. ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ
- คาร์ดิโอ: เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์
- เวทเทรนนิ่ง: 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อสร้างและรักษามวลกล้ามเนื้อ
- ความยืดหยุ่น: โยคะหรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกวัน
3. การนอน (Sleep Strong)
การนอนคือ “ศูนย์ซ่อมใหญ่” ของร่างกาย ดังนั้นควรนอนให้ได้ 7–9 ชั่วโมง/คืน โดยพยายามเข้านอนและตื่นตรงเวลา ลดแสงสีฟ้าจากหน้าจอก่อนนอน และปรับห้องนอนให้เย็น มืด และเงียบ เพื่อช่วยให้หลับง่ายขึ้น
4. ดูแลสุขภาพจิต (Mind Strong)
ฮอร์โมนเครียด (Cotisol) ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพไวมาก ถ้าไม่อยากแก่ไว้ ให้ลองฝึกตามนี้เลย
- ฝึกสมาธิหรือการหายใจลึกๆ
- ทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ดนตรี กีฬา งานอดิเรก
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและเพื่อน
- มีเป้าหมายในชีวิต
- จดบันทึกเรื่องที่คุณอยากขอบคุณทุกเช้า
5. การตรวจสุขภาพ (Diagnostics)
- ตรวจความดัน ไขมัน น้ำตาล ทุกปี
- ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่เมื่ออายุ 45+
- ตรวจต่อมลูกหมากเมื่ออายุ 50+
- ตรวจสุขภาพเชิงลึก เช่น VO₂ max, ความยืดหยุ่นหลอดเลือด, อายุชีวภาพ
6. เลิกนิสัยทำลายสุขภาพ (Quit Bad Habits)
3 พฤติกรรมที่ทำลาย Longevity ของผู้ชายแบบชัดเจนคือ บุหรี่ ที่บั่นทอนอายุไปเยอะ แอลกอฮอล์ ที่ดื่มได้แต่ต้องรู้ลิมิต และ การนั่งนาน ที่เป็นฆาตกรเงียบ ควรลุกขึ้นขยับทุกๆ ชั่วโมงเพื่อป้องกันโรคเรื้อรังในอนาค
7. ความหมายและเป้าหมายชีวิต (Purpose)
Longevity ไม่ใช่แค่กาย แต่รวมถึงใจและความหมายในชีวิตด้วย ที่จะทำให้มีชีวิตอย่างมีคุณภาพในทุกๆ วัน และเป้าหมายยังทำให้ทำให้ผู้ชายมีพลังที่จะดูแลสุขภาพต่อเนื่องอีกด้วย
ตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย
- เป้าหมายเล็ก ๆ รายวัน เช่น เดิน 10,000 ก้าว
- เป้าหมายใหญ่ เช่น เดินทาง ทำธุรกิจ สร้างผลงาน หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน
สุดท้าย Longevity ไม่ได้วัดกันที่คุณอยู่กี่ปี แต่คือการอยู่ดีทุกปีต่างหาก อย่ารอจนป่วยถึงเริ่มต้น เพราะทุกการกิน นอน ขยับ หรือแม้แต่ความคิดที่คุณเลือกในวันนี้ ล้วนเป็นเส้นทางไปสู่การมีอายุยืนที่เต็มไปด้วยคุณภาพ
บทความที่คุณอาจสนใจ