
ข้อเสียเพียบ! เล่นมือถือก่อนนอน ก่อสารพัดโรคโดยไม่รู้ตัว

เคยเป็นกันไหม? ตั้งใจว่าจะนอนเร็ว แต่พอหัวถึงหมอนดันควานหามือถือ เปิด TikTok แค่แป๊บเดียว... ตัดภาพอีกทีตีสอง! ถ้าคุณเป็นคนติดเล่นมือถือก่อนนอนที่เคยพูดประโยคว่า “ขอเล่นอีก 5 นาทีแล้วจะนอน” แล้วจบลงที่นอนตาค้าง หรือรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลียง่ายทั้งที่นอนครบ 8 ชั่วโมง บทความนี้เขียนถึงคุณโดยเฉพาะ เพราะการเล่นมือถือก่อนนอน ไม่ได้แค่ทำให้ “หลับยาก” แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวโดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
มือถือ = ศัตรูตัวฉกาจของการนอนหลับ
หลายคนอาจสงสัยว่า แค่เลื่อนหน้าจอ จะร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?
คำตอบคือ ใช่เลย ร้ายแรงจริง ๆ
เพราะในตอนกลางคืน ร่างกายของเราจะเริ่มผลิต เมลาโทนิน (Melatonin) หรือฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ โดยธรรมชาติแล้ว แสงน้อย ๆ จะกระตุ้นให้เมลาโทนินหลั่งออกมา เพื่อส่งสัญญาณว่า “ถึงเวลานอนแล้ว”
แต่รู้ไหมว่า แสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือ เป็นตัวขัดขวางกระบวนการนี้ได้อย่างดีเยี่ยม แสงสีฟ้าจะไปรบกวนการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้สมองสับสนว่ายังเป็นเวลากลางวัน ส่งผลให้เรารู้สึกตาสว่าง ทั้งที่ควรจะง่วง ผลที่ตามมาคือ...เข้านอนช้า หลับยาก หลับ ๆ ตื่น ๆ แถมตื่นมารู้สึกไม่สดชื่นอีกด้วย
นอนไม่พอ = ภูมิตก สมองล้า อารมณ์พัง
ถ้าคุณเป็นคนที่ตื่นมาแล้วรู้สึกหมดแรงตั้งแต่ยังไม่เริ่มวัน ลองสังเกตตัวเองดูว่า คุณนอนอย่างมีคุณภาพหรือเปล่า เพราะการนอนไม่พอหรือนอนหลับไม่ลึกจะส่งผลกระทบหลายด้าน เช่น
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ป่วยง่าย หายช้า
- ฮอร์โมนเพศลดลง: โดยเฉพาะเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญของผู้ชาย
- อารมณ์เหวี่ยงง่าย: หงุดหงิด สมาธิสั้น หัวร้อนกับเรื่องเล็ก ๆ
- สมองเบลอ: ความจำไม่ดี คิดช้า ตัดสินใจผิดพลาด ส่งผลต่อการเรียนและการงานเต็มๆ
ทำไมเราถึงหยุดเล่นมือถือก่อนนอนไม่ได้
เหตุผลไม่ได้มีแค่ “ติดมือถือ” อย่างเดียว แต่มันเป็นกระบวนการที่สมองของเราโดนกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมือถือคือแหล่งรวมความบันเทิงที่ไม่รู้จบ ทั้ง TikTok, Reels, คลิปแมว, ดราม่าข่าวดัง, ไลฟ์สดขายของ ฯลฯ การเสพข้อมูลแบบนี้ก่อนนอน จะทำให้สมองตื่นตัวเหมือนเปิดพัดลมเทอร์โบ ยิ่งไถ ยิ่งไม่ง่วง แถมบางคนเอามือถือมาวางข้างหมอน เห็นแสงวาบปุ๊บ ต้องหันไปดูว่าข้อความจากใครอีก... วนลูปแบบนี้หลับดีได้ไงจริงไหม
วิธีง่าย ๆ ที่จะเลิกเล่นมือถือก่อนนอนแบบไม่ทรมาน
หยุดเล่นมือถือก่อนนอนฟังดูง่าย แต่ทำจริงยากใช่ไหม? ถ้าเลิกทันทีไม่ได้ ลองค่อย ๆ ปรับด้วย 5 วิธีนี้
- ตั้งเวลา “เลิกเล่น” ล่วงหน้า: ตั้งปลุกในมือถือว่า 22.30 น. ต้องวางมือถือ แล้วเริ่มทำกิจกรรมอื่นแทน เช่น อาบน้ำ ฟังเพลงเบา ๆ อ่านหนังสือที่เนื้อหาเบาๆ ไม่หนักสมอง
- เปลี่ยนหน้าจอเป็นโหมดกลางคืน: โหมด Night Shift หรือ Blue Light Filter เพื่อช่วยลดแสงสีฟ้า
- เอามือถือไว้ไกลเตียง: อย่าใช้นาฬิกาปลุกแทน จะได้ไม่มีข้ออ้างจับมือถือบ่อยๆ
- ทำกิจกรรมผ่อนคลาย: เช่น เขียนบันทึก ฟัง white noise หรือพอดแคสต์แนว mindfulness
- ใช้แอปช่วยนอน: ลองใช้แอปอย่าง Headspace หรือ Calm ช่วยให้หลับได้ดีขึ้นอีกหลายเท่า
สุดท้ายแล้วคงต้องบอกว่า มือถือไม่ใช่ผู้ร้าย แต่อยู่ที่วิธีใช้ต่างหากว่าคุณควบคุมมันได้หรือเปล่า แค่เปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ อย่างการวางมือถือให้ห่างตัวก่อนนอน คุณอาจเปลี่ยนสุขภาพชีวิตทั้งวันได้เลย คืนนี้ลองเริ่มต้นดู ปิดจอ ปิดแสง แล้วหลับตา รับรองว่าสมองและร่างกายคุณจะขอบคุณแน่นอน!
บทความที่คุณอาจสนใจ
- นอนไม่หลับทำอย่างไร สาเหตุของการนอนไม่หลับ และอาหารช่วยให้หลับง่าย คลายเครียด
- นอนให้ผอมทำอย่างไร นอนดึกทําให้อ้วนจริงไหม อยากผอมต้องนอนกี่โมงถึงดีต่อสุขภาพ