รีเซต
Sports Profile : ประวัติ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูล ผู้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก คนแรก

Sports Profile : ประวัติ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูล ผู้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก คนแรก

Sports Profile : ประวัติ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูล ผู้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก คนแรก
BALLYSLAM
20 กรกฎาคม 2564 ( 06:00 )
3.6K

ประวัติและข้อมูลล่าสุดของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม "หงส์แดง" ที่สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นนักเตะของทีมคนแรก ที่ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบ 30 ปี

ข้อมูลนักเตะ

ชื่อเต็ม : จอร์แดน ไบรอัน เฮนเดอร์สัน (Jordan Brian Henderson)

เกิด : วันที่ 17 มิถุนายน 1990 (เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ)

อายุ : 30 ปี

ตำแหน่ง : กองกลาง

ส่วนสูง : 182 เซนติเมตร

เส้นทางลูกหนัง

เฮนเดอร์สัน เกิดมาในครอบครัวที่ฐานะปานกลาง ในช่วงวัยเด็กเจ้าตัวชื่นชอบ และหลงใหลในกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลของทีมกรมตำรวจเดอแรม นั่นเอง และเมื่อถึงอายุ 7 ขวบ เขาก็ได้ไปเข้าเป็นนักเตะฝึกหัดของ ซันเดอร์แลนด์ ทีมลูกหนังชื่อดังย่านบ้านเกิด

ด้วยความที่เขาเป็นนักเตะที่ไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก ทำให้เจ้าหนูเฮนเดอร์สัน เพิ่มความขยัน และฝึกซ้อมอย่างหนักกว่าคนอื่นๆ เพื่อที่จะพัฒนาฝีเท้าให้เก่งทัดเทียมคนอื่น จนโค้ชในทีมเยาวชนต่างออกมายกย่อง และชมเชยเขาอยู่หลายครั้งในการเป็นเด็กหัวใจนักสู้

เริ่มแรกเดิมทีนั้น เฮนโด้ เริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่ง ปีก ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี เขาพัฒนาฝีเท้าจนขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมเยาวชน และช่วยพาทีมคว้าแชมป์ลีกเยาวชน ยู-18 ในปี 2008 มาครองได้สำเร็จ

หลังจากนั้น ในปี 2009 เพื่อให้นักเตะมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ทีมเลยได้ปล่อยตัวเขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และขัดเกลาฝีเท้ากับทีมอื่นๆ โดยเป็น โคเวนทรี ซิตี้ ที่ยืมตัวเขาไปเล่นให้กับทีม ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างมาก ซึ่งที่นี่เขาได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง เป็นกำลังสำคัญของทีม ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอย่างรวดเร็ว โดยเขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 13 นัด และทำไปได้ 1 ประตู

ทว่าโชคร้ายก็ต้องเยือน เฮนเดอร์สัน แบบช่วยไม่ได้ เมื่อเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก จากการปะทะกับคู่แข่งในสนาม ทำให้ในซีซั่นที่ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีของเขาดับวูบลงทันที และเขาก็ถูกส่งกลับไปรักษาตัวกับทาง ซันเดอร์แลนด์ ต้นสังกัดเดิม

หลังจากกลับมารักษาตัวที่ ซันเดอร์แลนด์ อยู่เป็นเวลานานพอสมควร และใน ฤดูกาล 2009/2010 เจ้าตัวก็กลับมาฟิตสมบูรณ์ และลงซ้อมได้อย่างเต็มที่ ทว่าการกลับมาเล่นกับทีมอีกครั้ง เขาไม่ได้อยู่ในทีมเยาวชนอีกแล้ว เมื่อทางสโมสรได้ดันเขาให้ขึ้นมาฝึกซ้อม และเล่นกับทีมชุดใหญ่ แบบที่เจ้าตัวก็ไม่ทันตั้งตัว

เฮนเดอร์สัน ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ในตำแหน่งปีกขวา และเจ้าตัวก็ไม่ได้ทำให้สโมสรผิดหวังเลย เมื่อเขาโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างร้อนแรง ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้แบบยาวๆ จนกลายเป็นักเตะดาวรุ่งที่ถูกจับตามมองอย่างมาก

จนกระทั่งในฤดูกาลต่อมา 2010/2011 เฮนโด้ ก็ยังเป็นตัวหลักของทีมเช่นเดิม แต่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตำแหน่งการเล่นของเขา เมื่อ สตีฟ บรูซ นายใหญ่ของทัพแมวดำในเวลานั้น ได้โยกเขาจากที่เล่นเป็นปีก ให้เข้ามาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง มาคอยเป็นตัวขับเคลื่อนเกมแดนกลางให้กับทีม ซึ่งเขาก็เล่นในตำแหน่งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และโดดเด่นมากกว่าตอนเล่นริมเส้น เสียอีก เนื่องจากเจ้าตัวเป็นนักเตะที่จ่ายบอลแม่นยำ มีเซ้นส์ในการอ่านเกม จนเขากลายนักเตะเป็นหัวใจสำคัญของทีมไปแล้ว

หลักฐานที่ว่ากันว่า เฮนเดอร์สัน คือหัวใจของทีม คือการที่เขาลงสนามให้กับทีมไปถึง 38 นัด เรียกได้ว่าลงครบทุกเกมในลีกเลยทีเดียว และความยอดเยี่ยมของเขา ทำให้เจ้าตัวได้รับเลือกให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ประจำฤดูกาล 2010/2011 ของสโมสร พร้อมกันนั้นเขายังได้รับการต่อสัญญากับทีมยาวถึง 5 ปี อีกด้วย

ทว่าใครจะรู้ว่า หลังจบฤดูกาลนี้ เส้นทางลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ของ เด็กหนุ่มจากซันเดอร์แลนด์ จะเริ่มต้นจากนี้เป็นต้นไป

หลังจากโชว์ฟอร์มร้อนแรงในซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้ เฮนเดอร์สัน กลายเป็นแข้งเนื้อหอม บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างจับมามอง และเตรียมทาบทามตัวไปร่วมทีม แต่แล้วก็เป็น ลิเวอร์พูล ที่สามารถเจรจายื่นข้อเสนอขอซื้อตัว เฮนโด้ มาร่วมทีมได้สำเร็จ

"หงส์แดง" ได้ตัดสินใจทุ่มเงินถึง 20 ล้านปอนด์ เพื่อกระชากตัว กองกลางฟอร์มฮอตคนนี้มาร่วมทีม โดยหวังว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่กำลังเริ่มโรยรา และใกล้ถึงช่วงปลายอาชีพการค้าแข้งแล้ว

ฤดูกาลแรกของ เฮนเดอร์สัน กับ ลิเวอร์พูล ถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากเขายังปรับตัวกับทีมใหม่ไม่ได้ และยังไม่สามารถเบียดแผงกองกลางคนอื่นๆ ลงสนามเป็นตัวจริงได้ ทำให้เขาต้องนั่งเป็นตัวสำรองเสียส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ก็เฉพาะในบอลถ้วย อย่างเกมลีกคัพ เท่านั้น

 

ในฤดูกาลต่อมา เฮนโด้ เริ่มค่อยๆ ขยับเข้ามาเป็นตัวหลักของทีม เขาถูกส่งลงสนามด้วยการเป็นตัวจริงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาทำผลงานได้ดีขึ้นตามลำดับ จนเบียด เจอร์ราร์ด ลงไปเป็นตัวสำรอง และท้ายที่สุดเขาก็สามารถยึดตัวจริงในแดนกลางได้สำเร็จ

หลังจบซีซั่นนี้ เจอร์ราร์ด ได้ตัดสินใจโบกมือลาทีม ไปอยู่กับ แอลเอ แกแล็กซี่ ทีมลูกหนังในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทาง ลิเวอร์พูล ก็ได้ทำการแต่งตั้งให้ เฮนเดอร์สัน ให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ของสโมสร ในวันที่ 1 มีนาคม 2015 โดยเขาได้รับการโหวตจากเพื่อนร่วมทีม "หงส์แดง" ให้ได้รับปลอกแขนอันยิ่งใหญ่ อันนี้

เฮนเดอร์สัน ได้ลงประเดิมสนามในฐานะกัปตันทีมคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ในแมตช์ที่ทีม เปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 2-1 ถือเป็นการประเดิมตำแหน่งกัปตัน ที่น่าจดจำของเขาอย่างมาก และหลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็กลายเป็นนักเตะตัวหลัก และหัวใจสำคัญในแดนกลางของทีมมาโดยตลอด

จนมาถึงยุดเปลี่ยนผ่านอันยิ่งใหญ่ของทีม เมื่อ ลิเวอร์พูล ได้แต่งตั้งให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ เขาได้เข้ามาวางรากฐาน เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งอย่างในทีมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ทว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ เขายังมอบความไว้วางใจให้ เฮนโด้ รับบทกัปตันทีม และเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางต่อไป ถึงแม้จะมีในบ้างช่วงที่เขาฟอร์มตก หรือได้รับอาการบาดเจ็บ ก็ตาม

ฤดูกาล 2017/2018 เป็นปีที่ หงส์แดง เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จนทีมสามารถทะลุเข้าไปรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ เฮนโด้ ก็เกือบจะได้ชูถ้วยแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรก ในฐานะกัปตันทีม ทว่าเขา และเพื่อนร่วมทีมก็ต้องอกหัก เมื่อทีมไปพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 ได้แค่รองแชมป์เท่านั้น

ฤดูกาล 2018/2019 ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง ยอดเยี่ยม จนทีมเกือบจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ และ เฮนโด้ จะกลายเป็น กัปตันทีมคนแรกที่ได้ชูถ้วยอันยิ่งใหญ่ นี้ ทว่า สุดท้าย "หงส์แดง" ก็มาตกม้าตาย พลาดในช่วงท้ายฤดูกาล กลายเป็นแมนฯ ซิตี้ ที่ได้แชมป์ไปครอง โดยมีแต้มชนะทีมของ เฮนเดอร์สัน เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น แต่ยังไงตามฤดูกาลนี้ ก็ยังเป็นฤดูกาลที่สุดยอดอย่างมากของ ลิเวอร์พูล เนื่องจากทีมสามารถเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อีกครั้ง และคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการทุบชนะ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ 2-0 ส่งผลให้ เฮนเดอร์สัน ได้ชูถ้วยแชมป์ยุโรปเสียที หลังจากที่พลาดหวังไปเมื่อซีซั่นที่แล้ว

 

และแล้ว ในฤดูกาล 2019/2020 สิ่งที่แฟนบอล หงส์แดง รอคอย กาลเวลาที่ยาวนานก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อ เฮนเดอร์สัน และ เพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล เดินหน้าระบิดฟอร์มร้อนแรงแบบไร้เทียมทานตังแต่นัดแรกของซีซั่น ทำแต้มทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น จนทีมสามารถผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แบบยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาคั่น แต่นั่นก็ไม่สามารถเป็นอุปสรรคในการคว้าแชมป์ได้ และเมื่อถึงช่วงท้ายซีซั่น เฮนเดอร์สัน ก็ได้กลายเป็นกัปตันทีมคนแรกของทีม ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี แบบสุดยิ่งใหญ่ และต้องถูกจารึกไว้ในประวัตศาสตร์ของทีม กันเลยทีเดียว

ผลงานทีมชาติ

กับทีมชาติอังกฤษ เฮนเดอร์สัน เริ่มต้นจากการเล่นในชุด 19 ปี ตามมาด้วย 20 ปี และ 21 ปี จนกระทั่งในปี 2010 เขาได้ถูก ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติในเวลานั้น เรียกตัวเข้ามาติดทีมชาติชุดใหญ่ โดยเวลานั้นเขามีอายุเพียง 20 ปี เท่านั้น และเขาก็ได้ประเดิมสนามนัดแรกให้กับทัพ "สิงโตคำราม" ในเกมที่ทีมด้วลแข้งกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2010 นั่นเอง

หลังจากนั้นเป็นต้นมา เฮนโด้ ก็กลายเป็นขาประจำ และเป็นตัวหลักของทีมชาติมาโดยตลอด เขามีชื่อในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นยูโร 2012 / ฟุตบอลโลก 2014 / ยูโร 2016 จนกระทั่งล่าสุด ฟุตบอลโลก 2018 ที่เขาเป็นตัวหลักของทีม และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ ทีมชาติอังกฤษ เข้ารถึงรอบรองชนะเลิศ และคว้าอันดับ 4 ของทัวร์นาเมนต์ มาได้แบบสุดเซอร์ไพรส์

จนถึงเวลานี้ กัปตันทีมลิเวอร์พูล ลงสนามในนามทีมชาติไปแล้ว 56 นัด แต่เจ้าตัวยังไม่สามารถยิงประตูแรกให้กับ ทัพ "สิงโตคำราม" ได้เลย

เกียรติประวัติ

ลิเวอร์พูล :

  • แชมป์ พรีเมียร์ลีก : 2019-20
  • แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก : 2018-19
  • แชมป์ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ : 2019
  • แชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก : 2019
  • แชมป์ คาราบาวคัพ : 2011-2012

รางวัลส่วนตัว :

  • รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำสโมสร ซันเดอร์แลนด์ : 2009-2010, 2010-2011
  • รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำสโมสร ลิเวอร์พูล : 2011-2012
  • รางวัลนักเตะเยาวชนทีมชาติอังกฤษยอดเยี่ยม : 2012
  • ประตูสุดสวยของ พรีเมียร์ลีก ประจำเดือน : กันยายน 2016
  • ประตูสุดสวยของ EA Sport ประจำเดือน : กุมภาพันธ์ 2014
  • ผู้เล่นยอดเยี่ยมของ สโมสรลิเวอร์พูล ประจำเดือน : กันยายน 2014, มีนาคม 2015

-------------------------------------------------

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> Sports Profile : ประวัติ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงผู้ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี

>> Sports Profile : ประวัติ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางจอมขยัน เด็กปั้นจากรั้ว "ปีศาจแดง"

-------------------------------------------------

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

เก็งไม่มีพลาด! ฟันธงคู่ไหนเด็ด! เจาะลึกก่อนเกมพรีเมียร์ลีก สมัครทาง SMS พิมพ์ R1 ส่งมาที่ 4238066 หรือคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ ใช้ฟรี 7 วัน!!!!

 

ยอดนิยมในตอนนี้