รีเซต
ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ : ยอดนักเตะที่แสดงให้เห็นว่า "กัปตัน" และ "ผู้นำ" ต่างกันอย่างไร | Main Stand

ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ : ยอดนักเตะที่แสดงให้เห็นว่า "กัปตัน" และ "ผู้นำ" ต่างกันอย่างไร | Main Stand

ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ : ยอดนักเตะที่แสดงให้เห็นว่า "กัปตัน" และ "ผู้นำ" ต่างกันอย่างไร | Main Stand
เมนสแตนด์
26 มกราคม 2564 ( 22:00 )
1.1K

"ถ้าผมเก่งได้สัก 10% ของ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ผมคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลก" ดาวรุ่งคนหนึ่งของทีม งูใหญ่ ยอมรับอย่างโดยดี หลังได้เป็นลูกทีมของ "อิล กาปิตาโน่" 
 

 

อินเตอร์ มิลาน ห่างหายความสำเร็จไปนานในช่วงยุค 90s พวกเขาต้านคู่แข่งอย่าง เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส ไม่ไหว จนกระทั่งการมาของ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ แข้งโนเนมจาก อาร์เจนตินา 

ผู้มาใหม่คนนี้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้ ...  20 ปีแห่งความยิ่งใหญ่ ในฐานะ "ผู้นำที่แท้จริง" ยังคงเป็นตำนานจนทุกวันนี้ 

อิทธิพลจากคนที่ไม่เคยด่าใคร ไม่เคยโกรธใคร สามารถเปลี่ยนแปลงทีมได้อย่างไร ? ติดตามที่นี่ 

 

นักสู้ตั้งแต่ลืมตาดูโลก

ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ คือมนุษย์ 3 ปอดที่แฟนบอลทั่วโลกนึกถึงเป็นคนแรก ๆ ภาพของวิงแบ็คที่วิ่งขึ้นลงไม่มีหมด หรือแม้กระทั่งในวัย 35 ปี กับการเป็นมิดฟิลด์สไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ไปทุก ๆ ที่ที่มีบอล แต่ใครเลยจะรู้ว่าก่อนที่จะวิ่งลืมตายเหมือนมีปอด 3 ข้างแบบนี้ ซาเน็ตติ เคยหายใจเองไม่ได้มาก่อน

ในวันที่เขาลืมตาดูโลกในกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินา ในปี 1973 ... แพทย์ผู้ทำคลอดเด็กชาย ฮาเวียร์ นั้นต้องใช้ฝีมือแบบสุดกำลัง เพราะหลังจากเพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานนัก เขาก็มีปัญหาทางด้านระบบทางเดินหายใจ การรักษาสามารถยื้อชีวิตให้เขาอยู่ต่อไปได้ แต่ปัญหาคือเด็กหนุ่มจาก Dock Sud ย่านยากจนของเมือง มีปัญหาเรื่องร่างกายที่อ่อนแอกว่าเด็กทั่วไป 

ชีวิตคนเราบางครั้งก็เลือกไม่ได้ แม้จะอ่อนแอแค่ไหน แต่เมื่อถึงวัยที่ต้องทำงาน ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ก็ต้องติดสอยห้อยตามพ่อของเขาไป พ่อของเขาเป็นคนงานทั่วไป ทำงานสารพัดตั้งแต่ก่อสร้างจนไปถึงส่งนม ซึ่ง ซาเน็ตติ ทำหน้าที่แบกลังนมช่วยพ่อตั้งแต่เด็ก ๆ เขาทำงานวันละ 4 ชั่วโมง ตื่นตี 4 และออกไปส่งนมตามบ้านต่าง ๆ จนถึง 8 โมงเช้า

Photo : Who Ate all the Pies

ไม่สู้ก็ซี้ ชีวิตมันก็แบบนั้น และบางครั้งการสู้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่แตกต่าง ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ส่งนมอยู่หลายปีจนกระทั่งอายุ 12 ปี กลับกลายเป็นว่ามันเหมือนการได้ออกกำลังกายทุกวันในทางอ้อม จากที่เคยเป็นเด็กที่แค่หายใจก็ยังเหนื่อย ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นทุกวัน สามารถออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่นเล่นฟุตบอลได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็เริ่มสนุกกับมัน จนกระทั่งได้เป็นตัวแทนของทีมฟุตบอลท้องถิ่นสำหรับเยาวชนที่สร้างขึ้น เพื่อให้เด็ก ๆ ที่มาจากครอบครัวในย่านยากจนมีโอกาสได้สัมผัสกับฟุตบอลที่ถูกต้องอย่างแท้จริง

"ตอนทำงานกับพ่อเป็นหนึ่งในช่วงชีวิตที่ผมชอบที่สุด ไม่ใช่แค่เราได้ใช้เวลาร่วมกัน แต่มันเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผม ผมไม่ได้เหนื่อย แต่ผมแค่เห็นว่าพ่อของผมเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวขนาดไหน ความพยายามนั้นติดฝังอยู่ในความทรงจำของผมจนทุกวันนี้ ประสบการณ์การเป็นคนส่งนมและก่อสร้างมันชัดเจนมาก ขนาดที่ว่าถ้าตอนนี้คุณสั่งให้ผมไปก่อกำแพง ผมก็สามารถทำได้ทันที" ซาเน็ตติ เล่าอดีตผ่าน FourFourTwo

ซาเน็ตติ เด่นเกินใครเพื่อนในทีม ตาเยเรส สโมสรละแวกท้องถิ่นของเขา ก่อนที่ บานฟิลด์ สโมสรในลีกสูงสุดจะเซ็นสัญญาไปร่วมทีมเมื่ออายุ 20 ปี เขาใส่หมายเลข 4 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เบอร์นี้ก็เป็นเบอร์ประจำตัวของเขา ... 

Photo : Sporcle

สไตล์การเล่นแบบวิงแบ็คอเมริกาใต้ วิ่งไม่หยุด ขึ้นลงไม่เหนื่อยทำให้เอเย่นต์ที่ชื่อว่า อังเคลินโญ่ นำชื่อของเขาไปเสนอกับ มัสซิโม โมรัตติ พร้อมกับวีดีโอบันทึกการเล่นม้วนหนึ่งของเขา ซึ่งประทับใจ โมรัตติ มาก ทักษะการเลี้ยงบอลที่ติดเท้าบวกกับพลังแฝงที่จะเก่งได้กว่านี้อีก ทำให้ อินเตอร์ มิลาน ตัดสินใจคว้าตัวเขามาร่วมทีมตอนอายุ 21 ปี และเมื่อ ซาเน็ตติ ได้ลงซ้อมกับทีมเป็นครั้งแรกในปี 1995 ก็เกิดเรื่องเล่าขานขึ้นมากมาย

จุสเซ็ปเป้ แบร์โกมี่ นักเตะตำแหน่งกองหลังที่เป็นซีเนียร์ในทีม และเป็นกัปตัน ณ เวลานั้น ยังจำความดุดันของเด็กหนุ่มจากอาร์เจนตินาได้ดี ปกติแล้วนักเตะจากประเทศนี้มักจะมาในรูปแบบของจอมเทคนิคและศิลปินฟุตบอล ทำตามอารมณ์มากกว่าตามแบบแผน แต่ ซาเน็ตติ นั้นแตกต่างจากต้นแบบเดิม ๆ อย่างสุดขั้ว

"การซ้อมครั้งแรก ๆ ของเขา ผมจำได้ดี เราแบ่งเป็นสองทีมและผมอยู่คนละทีมกับเขา เมื่อทีมของเราครองบอลได้ เขาไม่เคยลดละความพยายามที่จะเข้ามาเอาบอลกลับไป และเขาก็แย่งได้เสมอ วินาทีนั้นผมแอบคิดเล่น ๆ ว่าหมอนี่มันต้องสร้างประวัติศาสตร์ได้แน่ ๆ" แบร์โกมี่ กล่าว 

Photo : Twitter | @JerseyMilan

ฉายาของ ซาเน็ตติ ในเวลานั้นคือ "El Tractor" หรือ "ไอ้รถไถ" ซึ่งมันมาจากสไตล์การเล่นที่ไปทั่วสนามแบบไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอยู่นิ่ง ๆ นักข่าวอิตาลีหลายคนได้ยินฉายานี้ของเขาสมัยที่เล่นให้กับ บานฟิลด์ จนกระทั่งเอามาเรียกเป็นฉายาของ ซาเน็ตติ ในเวลานั้น 

ในสนามอาจจะบดบี้ทุกคนที่ขวางหน้า แต่เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดยาว ซาเน็ตติ คือที่รักของทุกคนในทีม เขาอ่อนน้อม สุภาพ และถ่อมตัว เข้ากับทุกคนได้ดี และเป็นมืออาชีพอย่างที่สุด เขาเล่นให้ อินเตอร์ อยู่ 6 ปี และนั่นมากพอที่จะทำให้ฉายาของเขาเปลี่ยนไป 

ในปี 2001 ไม่มีอีกแล้วไอ้รถไถ ทุกคนที่ อินเตอร์ มิลาน เรียกฉายาของเขาใหม่ว่า "Il Capitano" หรือ "กัปตัน" นั่นหมายความว่าทุกคนในทีมยอมรับเขาในฐานะผู้นำอย่างเต็มใจ 

 

อิล กาปิตาโน่ 

"ผมไม่อยากทำให้ใครผิดหวัง นับตั้งแต่มาอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ทุก ๆ คนช่วยผมไว่อย่างมาก มันทำให้ผมมีแรงบันดาลใจ มีความปรารถนาที่จะฝากอะไรบางอย่างให้กับสโมสรแห่งนี้" ซาเน็ตติ เล่าถึงแรงบันดาลใจและความอดทนกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะตลอด 10 ปีแรกของเขาที่นี่ มีแชมป์เดียวเท่านั้นที่เขาคว้ารวมกับทีม 

"ทศวรรษแรกมีแค่แชมป์ ยูฟ่า คัพ เท่านั้นที่ผมคว้ามาได้ แต่ผมเข้าใจดีว่าบางครั้งมันก็ต้องอดทนกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก" 

"มันถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยจะดีนัก ผมเป็นกัปตันทีมในช่วงที่ทีมกำลังตกต่ำ เราไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และผมไม่ต้องการทิ้งทีมไปไหน จนมีคนบอกว่าเราจะได้รู้ว่าใครเป็นผู้นำที่ดีก็ต้องเมื่อเจอกับช่วงเวลาแบบนี้แหละ" 

Photo : Who Ate all the Pies

ซาเน็ตติ รักษามาตรฐานการเล่นอยู่ในระดับสูงมาตลอด เขาลงเล่นต่อเนื่องในทุกฤดูกาล และมีหลายครั้งที่ทีมดัง ๆ แห่งยุคติดต่อมา ทั้ง เรอัล มาดริด และ แมนฯ ยูไนเต็ด ทว่าเขากลับมีความรู้สึกว่าทิ้ง อินเตอร์ ไม่ได้ เขาต้องการเป็นกัปตันที่นำพาความสำเร็จมาสู่สโมสร ไม่ใช่คนที่ทิ้งทีมไปเพื่อหาความสำเร็จที่อื่น

"เป็นเกียรติมาก ในช่วงนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาหาผมที่สนามบิน ผมคำรพเขาและความยิ่งใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ผมทำให้ผมภูมิใจที่ทีมใหญ่แบบนี้ รวมถึง มาดริด และ บาร์เซโลน่า ต้องการผม แต่ความตั้งใจของผมไม่เคยเปลี่ยน ผมต้องการอยู่ที่นี่และช่วยสโมสรคว้าแชมป์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่เท่านั้น" ซาเน็ตติ กล่าว 

Photo : Daily Express

การรอคอยนั้นหอมหวานเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป ซาเน็ตติ กลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลของสโมสรที่เพื่อนร่วมทีมทุกคนไม่ใช่แค่ยอมรับในฝีเท้า แต่ทุกคนให้ความเคารพในตัวเขาอย่างแท้จริง ในยุคที่ ซาเน็ตติ สวมปลอกแขน เขาไม่เคยมีปัญหากับนักเตะในทีมคนไหน และความเป็นผู้นำในแบบเขาที่เสียสละ มุ่งมั่น และภักดี ทำให้ อินเตอร์ กวาดความสำเร็จมากมายในเวลาต่อมา

มาร์โก มาเตรัซซี่ กองหลังที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกหัวแข็งไม่กลัวใครยังยอมรับว่า การมี ซาเน็ตติ อยู่ในทีม คือการทำให้ทุกคนมีตัวอย่างที่ดี แม้แต่ตัวของเขาเองที่เป็นแบดบอยยังยอมรับว่า ซาเน็ตติ มีออร่าความเป็นผู้นำแบบสูงส่ง ทุกคนสามารถเชื่อมั่นในตัวของ อิล กาปิตาโน่ คนนี้ได้เสมอ

"เชื่อไหม ผมไม่เคยกลัวใครสักคนบนโลกนี้ นักฟุตบอลคนไหนในโลกก็ได้มาเถอะ ยกเว้นไว้คนเดียว นักเตะที่ผมกลัวที่สุด ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ" มาเตรัซซี่ กล่าว 

Photo : FIFA

จุดเริ่มต้นมาจากยุคของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เข้ามาคุมทีม ในฤดูกาล 2005-06 ทีมค่อยสร้างความแข็งแกร่งโดยมี ซาเน็ตติ เป็นไอคอนของสโมสร และต่อเติมส่วนอื่น ๆ ในช่วงที่ทีมใหญ่อื่น ๆ ในลีกมีปัญหาเรื่องคดีล้มบอล "กัลโชโปลี" และนั่นทำให้ อินเตอร์ เริ่มกวาดรางวัลในประเทศจนเกลี้ยง แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน 

"ซาเน็ตติ คือไอคอนฟุตบอล คำเดียวเท่านั้นที่มอบให้ได้" โรแบร์โต้ มันชินี่ พูดถึงกัปตันทีมที่สามารถไว้ใจได้เสมอ เมื่อ ซาเน็ตติ อยู่ในสนาม อินเตอร์ มิลาน เหมือนมีโค้ชอีกคนลงไปเป็น 11 ตัวจริง เขาจะรับคำสั่งจากโค้ช และทำให้แน่ใจว่าเพื่อน ๆ ทุกคนที่ลงสนามไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง เขาเตือนสติ ทำให้ทุกคนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ แต่เป็นการเตือนและบอกแบบที่ไม่ทำให้คนอื่น ๆ ดูเป็นคนโง่ นั่นคือส่วนที่เพื่อนร่วมทีมชอบและเคารพในตัวเขามากที่สุด 

"ไม่ว่าคุณจะทำผิดพลาดขนาดไหนในสนาม คุณจะไม่มีทางเห็นสีหน้าโกรธของ ซาเน็ตติ เขาจะช่วยแนะนำคุณไปในทางที่ดีเสมอ" ดักลาส ไมคอน แบ็คขวาของทีมที่ย้ายเข้ามาในช่วงเวลาเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ว่าไว้ 

 

Captains vs. Leaders 

การพา อินเตอร์ คว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน (อันที่จริงได้แชมป์ 5 สมัยติด แต่สมัยแรกในฤดูกาล 2005-06 ได้อานิสงส์จากคดี กัลโชโปลี) ยังไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง เพราะเมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป มูรินโญ่ ยกระดับทีมขึ้นไปอีกขั้นจากใหญ่คับประเทศ กลายเป็นทีมที่ใหญ่คับยุโรปได้สำเร็จ

ในฤดูกาล 2009-10 ถือว่าเป็นปีทองของ อินเตอร์ มิลาน พวกเขากวาด 3 แชมป์ในแบบที่ไม่เคยมีทีมไหนในอิตาลีทำได้ เบื้องหลังของทีมชุดนั้นคือทีมสปิริต ทุกคนพร้อมทำงานหนัก มีความเป็นนักสู้ เหมือนกับ ซาเน็ตติ เป็น 

Photo : The Independent

มูรินโญ่ เคยให้สัมภาษณ์ในหัวข้อ Captains vs. Leaders และเขายกตัวอย่างคำว่า ลีดเดอร์ ด้วยการให้ ซาเน็ตติ เป็นตัวแทนของคำ ๆ นั้น "ผู้นำที่แท้จริง"

กุนซือชาวโปรตุกีสมั่นใจว่าความเป็น "ผู้นำ" ในฐานะนักเตะนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อนักเตะที่เป็นผู้นำลงสนามจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ผู้เล่นคนอื่น ๆ จะเป็นนักเตะที่เล่นดีขึ้น มีวินัยมากขึ้น และยอมแพ้ยากขึ้น และนั่นคือสิ่งที่ ซาเน็ตติ เป็น 

Photo : Twitter | @javierzanetti

"ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าผู้เล่นที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมคือผู้นำทีม แต่นั่นคือความคิดที่ผิดถนัด มีหลายครั้งมากในโลกฟุตบอล ที่คนที่สวมปลอกแขนไม่ได้เป็นผู้นำที่แท้จริง ผมเจอผู้เล่นแค่ 2 คนที่คุณสามารถเรียกว่าผู้นำได้จริง ๆ หนึ่งคือ จอห์น เทอร์รี่ และอีกคนคือ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ"

"พวกเขาเป็นผู้นำที่แตกต่างและยิ่งใหญ่จริง ๆ คุณไม่สามารถซื้อคนมาเป็นผู้นำ หรือสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวคุณเองได้ ผมอาจจะเป็นโค้ชของ ซาเน็ตติ ได้แค่ไม่กี่เกม แต่นั่นแหละคือสิ่งที่เป็นเกียรติมากสำหรับโค้ชอย่างผมที่ได้ร่วมงานกับผู้นำอย่างเขา"

"เขาคือคนที่มีความแข็งแกร่ง และมีลักษณะนิสัยที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ เขาแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ พูดตรง ๆ ผมอยากให้ผู้เล่นทุกคนเป็นเหมือน ฮาเวียร์" มูรินโญ่ กล่าว 

Photo : Who Ate all the Pies

เมื่อองค์ประกอบทีมดี และมีผู้นำที่เป็นผู้นำจริง ๆ อินเตอร์ มิลาน ในยุคที่ ซาเน็ตติ สวมปลอกแขนกัปตันทีม กลายเป็นทีมที่ยากจะหยุด และเริ่มเก็บแชมป์มากมายราวกับเป็นคนละทีมหากเทียบกับช่วงทศวรรษแรกของเขาที่อินเตอร์แบบคนละเรื่อง 

"ทศวรรษที่ 2 ของผมกับอินเตอร์ เราชนะทุกการแข่งขันที่ลงสนาม ผมและเพื่อนร่วมทีมได้ร่วมกันเขียนหน้าประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรของเรา การคว้าถ้วยรางวัลทั้งหมดคือประสบการณ์ชีวิตที่ยากจะลืมเลือน เราทุกคนเป็นความทรงจำของสโมสรตลอดไป" ซาเน็ตติ ว่าถึง 2 ทศวรรษที่เขาอยู่กับทีมที่เขารักที่สุด

Photo : FIFA

สำหรับ อินเตอร์ นั้น ซาเน็ตติ คือกัปตันทีมอันดับ 1 ตลอดกาล อย่างไร้ข้อโต้แย้ง แฟนบอล เพื่อนนักเตะ ดาวรุ่ง ซีเนียร์ โค้ช หรือแม้กระทั่งประธานสโมสร ต่างให้เกียรติเขาในฐานะผู้นำที่แท้จริง ... ชนิดที่ว่าไม่รู้จะหาทำซ้ำได้อีกครั้งเมื่อไหร่ 

"ไม่มีการซื้อตัวนักเตะครั้งไหนจะดีที่สุดเท่าที่ผมเคยทำเลย หากเทียบกับนักเตะอย่าง ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ" นี่คือสิ่งที่ มัสซิโม่ โมรัตติ ประธานสโมสรผู้ยิ่งใหญ่ พูดถึงกัปตันตลอดกาลของสโมสรแห่งนี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.lenius.it/javier-zanetti-capitano/
https://www.fourfourtwo.com/features/javier-zanetti-one-one-free-kick-against-england-wed-practised-it-four-years
https://www.independent.co.uk/sport/football/european/javier-zanetti-exclusive-interview-inter-milan-suning-preview-news-latest-a8011156.html
https://www.football-italia.net/40561/zanetti-my-worst-inter-coach
http://bmgkitmaker.blogspot.com/2012/07/all-quote-to-javier-zanetti.html
https://www.goal.com/en/news/10/italian-football/2009/03/20/1166153/inter-boss-mourinho-its-an-honour-to-coach-javier-zanetti

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> กูตี : นักฟุตบอลที่อยู่ท่ามกลางซูเปอร์สตาร์ จนถูกตีค่าน้อยเกินจริง | Main Stand

>> เวย์น รูนี่ย์ : ดาวรุ่งมหัศจรรย์โลกลูกหนัง ที่เจอคำวิจารณ์ตั้งแต่เด็กจนบั้นปลายอาชีพ | Main Stand

 

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

เก็งไม่มีพลาด! ฟันธงคู่ไหนเด็ด! เจาะลึกก่อนเกมพรีเมียร์ลีก สมัครทาง SMS พิมพ์ R1 ส่งมาที่ 4238066 หรือคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ ใช้ฟรี 7 วัน!!!!

ยอดนิยมในตอนนี้