ย้อนรอย ซิโก้-โค้ชโชค-โค้ชโย่ง สู่ "นิชิโนะ" กับภารกิจล่าทองซีเกมส์
หนึ่งในชนิดกีฬาที่ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมากที่สุดในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ หนีไม่พ้น “ฟุตบอลชาย” ซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกเสียจาก “เหรียญทอง” เท่านั้น
อาจพูดได้ว่า แชมป์คือเสมอตัว แต่ถ้าต่ำกว่านั้นคือ ล้มเหลว
“16 สมัย” คือจำนวนครั้งที่ทัพช้างศึกทำสถิติครองบัลลังก์ลูกหนังซีเกมส์ได้มากที่สุด โดยเฉพาะ 3 สมัยที่ผ่านมา ซึ่งแข้งไทยได้ฉลองเหรียญทอง 3 ครั้งซ้อนด้วยฝีมือของกุนซือชาวไทยทั้งหมด จนกระทั่งมาถึงซีเกมส์ 2019 ครั้งนี้ ขุนพลช้างศึกมีนายใหญ่เลือดซามูไร “อากิระ นิชิโนะ” รับบทเป็นแม่ทัพ
แน่นอนว่าแฟนบอลไทยทุกคนล้วนเอาใจช่วยให้ “ลุงโนะ” พาแข้งไทยกระชากเหรียญทองมาคล้องคอเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันให้ได้ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ลองมาย้อนดูกันว่า 3 ครั้งที่ผ่านมา ทีมชาติไทยต้องเผชิญอะไรบ้างกว่าจะได้เหรียญทองมาฝากพี่น้องชาวไทย
ซีเกมส์ 2013 “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
วินาทีนั้น แข้งไทยหมดสภาพเจ้าอาเซียน หลังจากกระเด็นตกรอบแรกซีเกมส์มา 2 ครั้งติดอย่างสะบักสะบอม ในปี 2009 ที่เวียงจันทร์ ประเทศลาว และปี 2011 ที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย
จนมาถึงซีเกมส์ 2013 ที่กรุงเนย์ปิดอว์ ประเทศเมียนมา สมาคมลูกหนังไทยมอบหมายให้ “ซิโก้” เข้ามารับเผือกร้อนนี้ ก่อนที่อดีตศูนย์หน้าจอมตีลังกาจะเรียกศรัทธาแฟนบอลไทยกลับมาได้อีกครั้ง
แข้งไทยทำผลงานจบรอบแรกด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม จากนั้นรอบตัดเชือก เฉือนชนะสิงคโปร์ 1-0 และปราบอินโดนีเซีย 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ทวงบังลังก์แชมป์ซีเกมส์กลับคืนมา พร้อมกับการแจ้งเกิดของดาวเตะอย่าง ชาริล ชัปปุยส์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อดิศักดิ์ ไกรษร, ศราวุฒิ มาสุข และอีกหลายๆคน
ซีเกมส์ 2015 “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์
ศึกลูกหนังซีเกมส์ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย พอดี ทำให้ “ซิโก้” ตัดสินใจมอบหมายให้ผู้ช่วยคือ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ มาทำหน้าที่คุมชุดซีเกมส์ ส่วนซิโก้ดูแลทีมชาติชุดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ทัพช้างศึกซีเกมส์ชุดนั้นเรียกว่ากำลังพีกสุดๆ เพราะหลายคนเล่นร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ชุดอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ 2014 ที่เกาหลีใต้ ต่อด้วยแชมป์ซูซูกิ คัพ 2014 ไม่ว่าจะเป็นธนบูรณ์ เกษารัตน์, อาทิตย์ ดาวสว่าง, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, พีรพัฒน์ โน้ตชัยยา, สารัช อยู่เย็น และชนาธิป สรงกระสินธ์
ด้วยเหตุนี้ ซีเกมส์ 2015 จึงเป็นเวทีให้แข้งช้างศึกโชว์ฝีเท้าชนิดไร้เทียมทาน โดยรอบแรกชนะ 5 นัดรวด ต่อด้วยถล่มอินโดนีเซีย 5-0 ในรอบรองฯ และขยี้เมียนมา 3-0 ในรอบชิงฯ คว้าเหรียญทองไปครองแบบเพอร์เฟกต์ด้วยสถิติชนะรวด 7 นัด ทะลวงตาข่ายคู่แข่งได้ถึง 24 ลูก และเสียประตูไปแค่ลูกเดียวเท่านั้นตลอดทัวร์นาเมนท์
ซีเกมส์ 2017 “โค้ชโย่ง” วรุวฒิ ศรีมะฆะ
ทัพนักเตะชุดนี้แทบจะเปลี่ยนยกชุดจากชุดแชมป์ซีเกมส์ 2015 โดยมีเพียงสองคนเท่านั้นที่อายุยังอยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 23 ปี และติดทีมมาลุยซีเกมส์ 2017 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียด้วย นั่นคือ สุริยา สิงห์มุ้ย และ เจนรบ สำเภาดี
ทีมซีเกมส์ชุดนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร จากแท็คติกที่เหนียวแน่นไว้ก่อน เน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก ทำให้สไตล์การเล่นไม่สนุกสนานเร้าใจเหมือนทีมชุดที่ผ่านๆมา
อย่างไรก็ดี ในที่สุด “โค้ชโย่ง” ก็สามารถพาทีมทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ หลังจากคว้าแชมป์กลุ่มในรอบแรก จากนั้นเชือดเมียนมา 1-0 ในรอบรองฯ ก่อนจะโค่น “เสือเหลือง” มาเลเซีย 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ได้ฉลองเหรียญทองต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่นเกือบ 8 หมื่นคนในสนามชาห์ อลัม สเตเดี้ยม
Seagames Special : พรีวิวฟุตบอลชายซีเกมส์ ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติอินโดนีเซีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
>> โปรแกรมทัพ”ช้างศึก”ป้องกันแชมป์ฟุตบอลชาย ซีเกมส์ 2019 พร้อมช่องถ่ายทอดสด
>> พรีวิว ฟุตบอลซีเกมส์ : ทีมชาติไทย VS ทีมชาติอินโดนีเซีย พร้อมลิ้งก์ดูบอลสด
– ดูบอลออนไลน์ฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่