รีเซต
ประวัติ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จากกัปตันตำนานลิเวอร์พูล สู่กุนซือแอสตัน วิลล่า

ประวัติ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จากกัปตันตำนานลิเวอร์พูล สู่กุนซือแอสตัน วิลล่า

ประวัติ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จากกัปตันตำนานลิเวอร์พูล สู่กุนซือแอสตัน วิลล่า
KiTTiSaK
12 พฤศจิกายน 2564 ( 18:00 )
2.8K
1

ข้อมูลส่วนตัว สตีเว่น เจอร์ราร์ด

  • ชื่อเต็ม : สตีเวน จอร์จ เจอร์ราร์ด
  • เกิด : 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมอร์ซี่ย์ไซด์ ประเทศอังกฤษ 
  • อายุ : 41 ปี
  • สัญชาติ : อังกฤษ
  • ส่วนสูง : 183 เซนติเมตร
  • ตำแหน่ง : กองกลาง

เส้นทางลูกหนัง

สตีเว่น เจอร์ราร์ด เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลด้วยการเข้าสู่อคาเดมีของลิเวอร์พูลตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าขึ้นตามลำดับจนได้ลงเล่นทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลครั้งแรกตอนอายุ 18 ปี โดยลงสนามมาเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเกมแทน เวการ์ด เฮกเก้ม ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่พบกับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 1998 ในยุคของกุนซือ เชราร์ อุลลิเยร์

ในฤดูกาลแรกกับลิเวอร์พูล เจอร์ราร์ด ได้ลงเล่น 13 นัดในทุกรายการ ซึ่งถือว่าไม่เลวเลย เมื่อเทียบกับการเป็นดาวรุ่งที่เพิ่งขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่เป็นปีแรก ซึ่งหลังจากนั้น เจอร์ราร์ด ก็ได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้นจนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม พร้อมกับทำผลงานได้อย่างโดดเด่น

โดยเฉพาะในฤดูกาล 2000-2001 ซึ่ง เจอร์ราร์ด มีส่วนช่วยพาทีมหงส์แดงคว้า "ทริปเปิ้ลแชมป์" ฟุตบอลถ้วย ได้แก่ เอฟเอคัพ, ลีกคัพ และยูฟ่า คัพ ทำให้ซีซั่นนั้น เจอร์ราร์ด ผงาดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PFA) และมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกในปีดังกล่าวด้วย

หลังจากนั้น เจอร์ราร์ด ได้รับความไว้วางใจให้เป็น "กัปตันทีม" แทนที่ ซามี่ ฮูเปีย ในเดือนต.ค. 2003 และกลายเป็นผู้เล่นหัวใจสำคัญในถิ่นแอนฟิลด์มาโดยตลอด รวมทั้งเป็นตัวหลักของทีมชาติอังกฤษด้วย แต่อย่างที่ทราบกันดีคือ เจอร์ราร์ด พาทีมหงส์แดงกวาดแชมป์ต่างๆ มากมายในระดับสโมสร ยกเว้นโทรฟี่เดียวที่เขาไม่เคยได้สัมผัส นั่นคือ "แชมป์พรีเมียร์ลีก" 

ทั้งนี้ โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดของ เจอร์ราร์ด คือฤดูกาล 2013-2014 ซึ่ง ลิเวอร์พูล ครองจ่าฝูงในขณะที่เหลือโปรแกรมอีกแค่ 3 นัดสุดท้ายเท่านั้น แต่หายนะของทีมหงส์แดงก็มาเกิดขึ้นในเกมที่พลาดท่าพ่ายคาบ้านต่อ เชลซี 0-2 พร้อมกับ "ช็อตลื่นบันลือโลก" ของเจอร์ราร์ด ก่อนที่ทีมหงส์แดงจะออกอาการเป๋ และโดน แมนฯ ซิตี้ ปาดหน้าแซงคว้าแชมป์ไปอย่างน่าเจ็บใจ ซึ่งในเวลาต่อมา เจอร์ราร์ด ระบุว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขาเลยทีเดียว

กระทั่งปี 2015 เจอร์ราร์ดหมดสัญญากับลิเวอร์พูล และไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสัญญาฉบับใหม่ได้ ทำให้ "สตีวี่จี" โบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยสถิติลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูลทั้งสิ้น 17 ฤดูกาล ลงสนามไป 710 นัด ยิงได้ 186 ประตูในทุกรายการ

จากนั้น เจอร์ราร์ด เซ็นสัญญาย้ายไปยัง แอลเอ กาแลคซี่ สโมสรดังแห่งศึกเมเจอร์ลีก สหรัฐ ซึ่ง "พี่เจิด" โชว์ฝีเท้าในลีกลูกหนังเมืองลุงแซมอยู่ 2 ฤดูกาล ลงสนาม 38 นัดยิงได้ 5 ประตู ก่อนจะตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ด เมื่อเดือพ.ย. 2016 ด้วยวัย 36 ปี

เส้นทางสายกุนซือ

หลังจากแขวนสตั๊ด เจอร์ราร์ด กลับมายัง ลิเวอร์พูล อีกครั้ง ในฐานะเฮดโค้ชทีมเยาวชนหงส์แดง ชุดยู-18 เมื่อช่วงต้นปี 2017 ซึ่งลูกทีมของเจอร์ราร์ดชุดนั้นที่ได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา ได้แก่ รีส วิลเลียมส์, เนโก วิลเลียมส์ และ เคอร์ติส โจนส์

ต่อมา เจอร์ราร์ด ได้รับงานใหญ่ขึ้นด้วยการเป็นกุนซือทีมชุดยู-19 ลุยศึก ยูฟ่า ยูธ ลีก ฤดูกาล 2017-2018 ซึ่ง เจอร์ราร์ด สามารถพาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะไปพ่ายจุดโทษให้กับ แมนฯ ซิตี้ 2-3 อย่างน่าเสียดาย

กระทั่งเดือนเม.ย. 2018 เจอร์ราร์ด รับงานกุนซือใหญ่อย่างเต็มตัวครั้งแรก หลังจากเซ็นสัญญาคุม เรนเจอร์ส ทีมดังของลีกสกอตแลนด์ ซึ่งในช่วง 2 ซีซั่นแรก เจอร์ราร์ด พาทีมจบด้วยการเป็น "รองแชมป์" ทั้งสองฤดูกาล

จนมาถึงฤดูกาล 2020-21 เรนเจอร์สภายใต้การนำทัพของเจอร์ราร์ดก็มาถึงจุดพีก เมื่อทัพ "เดอะ ไลท์บลูส์" ระเบิดฟอร์มผงาดคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์อย่างยิ่งใหญ่ แถมเป็นแชมป์แบบ "ไร้พ่าย" ไม่แพ้ใครตลอดทั้งฤดูกาล นอกจากนี้ยังเป็นการทวงบัลลังก์แชมป์ลีกกลับสู่ถิ่นไอบร็อกซ์ ปาร์ก เป็นสมัยแรกในรอบ 10 ปีของเรนเจอร์สอีกด้วย

ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมดังกล่าว ทำให้ชื่อของ เจอร์ราร์ด ถูกนำมาโยงกับสโมสรในอังกฤษมาตลอด จนในที่สุด เฮดโค้ชวัย 41 ปีรายนี้ก็ได้คัมแบ็กกลับมายังพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังจาก "สิงห์ผยอง" แอสตัน วิลลา จ่ายเงินชดเชยเป็นค่าฉีกสัญญาให้กับเรนเจอร์ส 3 ล้านปอนด์ และดึงตัว เจอร์ราร์ด มานั่งแท่นกุนซือคนใหม่ในถิ่นวิลล่า ปาร์ก เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา


แน่นอนว่าคงไม่มีใครปฏิเสธความสุดยอดของเขาในสมัยเป็นนักเตะ ส่วนในบทบาทกุนซือ เจอร์ราร์ด ก็พิสูจน์ตัวเองมาในระดับหนึ่งกับเรนเจอร์ส และหลังจากนี้ "สตีวีจี" จะได้เผชิญหน้ากับความท้าทายที่เข้มข้นขึ้นบนสังเวียนพรีเมียร์ลีก ส่วนผลงานจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น...โปรดติดตาม!!


เกียรติประวัติสำคัญ

ลิเวอร์พูล

  • แชมป์เอฟเอ คัพ : 2000–01, 2005–06
  • แชมป์ลีกคัพ : 2000–01, 2002–03, 2011–12
  • แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ : 2006
  • แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : 2004–05

  • แชมป์ยูฟ่า คัพ : 2000–01
  • แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ : 2001
  • อันดับ 3 บัลลงดอร์ : 2005
  • ดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ : 2000-01
  • นักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ : 2005-06
  • นักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ : 2008-09
  • นักเตะทีมชาติอังกฤษยอดเยี่ยม : 2007, 2012
  • นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรลิเวอร์พูล 2004, 2006, 2007, 2009
  • ติดทีมยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ 8 สมัย
  • ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ FIFA FIFPro : 2007, 2008, 2009
  • ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า : 2005, 2006, 2007
  • เข้าทำเนียบฮอล ออฟ เฟรม พรีเมียร์ลีก

เรนเจอร์ส

  • แชมป์สกอตติช พรีเมียร์ชิพ : 2020-21
  • ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมสกอตติช พรีเมียร์ชิพ : 2020-21
  • ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพสกอตแลนด์ : 2020-21
  • ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้สื่อฟุตบอลสกอตแลนด์ : 2020-21

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-------------------------------------------------

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก

หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้