
ประวัติ โทปราก ราซกลาติโอกลู จากเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ สู่ โมโตจีพี 2026

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบโมโตจีพี (MotoGP) คือการนำเอาเทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดมาสร้างรถต้นแบบเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ ในขณะที่ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ (WSBK) คือการเอารถที่มีขายในตลาดทั่วไปมาโมดิฟายปรับแต่งและพัฒนาต่อยอดให้ถึงขีดสุด
นี่คือความแตกต่างที่เข้าใจง่ายๆใน 2 บรรทัด แต่รายละเอียดปลีกย่อยยังมีอีกมากมายหลายอย่าง เอาเป็นว่าการแข่งขันทั้ง 2 รายการต่างมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้ได้รับความสนใจจากแฟนๆมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก
เราจะเห็นได้ว่านักขับทั้งสองรายการนี้ต่างก็มีการสลับขั้วรายการแข่งขันกันอยู่เรื่อยๆ บางคนขับในโมโตจีพี อยู่ในระดับกลางๆ แต่พอโยกไปขับใน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ กลายเป็นว่าสามารถทำผลงานได้ดีแบบก้าวกระโดด
ในปี 2026 การแข่งขันทั้งสองรายการก็มีนักขับที่สลับขั้วเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดขวัญใจชาวไทยที่ปิดฉากใน โมโตจีพี กับทีมอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ก่อนจะย้ายไปลุยศึกเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ กับทีมโรงงานอย่าง ฮอนด้า เอชอาร์ซี (Honda HRC)
ขณะเดียวกันก็มีนักขับที่ขยับขึ้นไปวาดลวดลายในเวทีโมโตจีพี อย่างในรายของ โทปราก ราซกลาติโอกลู เจ้าของแชมป์โลกเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ กับการร่วมสังกัดทีม Pramac Yamaha ในฤดูกาล 2026
เราจึงขอใช้โอกาสนี้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับรุกกี้หน้าใหม่ของวงการโมโตจีพี ที่เชื่อว่าจะมีแฟนๆมอเตอร์สปอร์ตหลายคนตามไปให้กำลังใจเขากันอย่างล้นหลาม...
ประวัติ โทปราก ราซกลาติโอกลู
โทปราก ราซกลาติโอกลู เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1996 ณ เมืองอลันยา ประเทศตุรกี เป็นลูกชายคนที่สองของ อาริฟ ราซกลาติโอกลู นักขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผดที่ได้รับฉายาว่า "Tek Teker Arif" (อาริฟ ยกล้อ) ซึ่งคุณพ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ที่เมืองอันตัลยาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2017
ด้วยความที่เกิดมามีคุณพ่อเป็นสตันท์แมน ทำให้เขาได้รับการปลูกฝังและถ่ายทอดวิชาจากรุ่นสู่รุ่น โดยเริ่มบิดคันเร่งเป็นตั้งแต่อายุได้เพียงแค่ 5 ขวบ ทำให้เขามีพื้นฐานการขับขี่รถ 2 ล้อเป็นอย่างดีทั้งในเรื่องสตันท์และคอนโทรลรถในระดับสูง
เขาเริ่มต้นเข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในระดับเยาวชนหลากหลายรายการและเริ่มสร้างชื่อในการแข่งขัน Red Bull MotoGP Rookies Cup กับการคว้าชัยชนะในสนามที่7 ของฤดูกาล 2014 ที่ประเทศเยอรมนี จุดเด่นของนักขับรายนี้คือเรื่องของการเบรกหนักและการควบคุมรถขณะที่เสียการทรงตัว
จากนั้นในปีเดียวกันเขาชนะการแข่งขันในการเปิดตัวรายการ European Superstock 600 Championship ก่อนจะคว้าแชมป์รายการนี้ในปี 2015 ภายใต้การขับรถ Kawasaki ZX-6R
โทปราก ราซกลาติโอกลู ลุยเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์
ผลงานของเขาเริ่มโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ European Superstock 1000 ในปี 2017 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาได้โอกาสขยับขึ้นไปแข่งขันในระดับเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ในฐานะนักแข่งดาวรุ่งของทีมPuccetti Kawasaki ในปี 2018 และก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับการประเดิมฤดูกาลแรกด้วยการขึ้นโพเดียมไป 2 ครั้ง และติดอันดับท็อป10 เป็นประจำในการแข่งขัน ทำให้เขาได้รับรางวัล รุกกี้แห่งปีไปครอง
เข้าสู่ปี 2019 เขาประเดิมชัยชนะครั้งแรกในเวทีซูเปอร์ไบค์ และเริ่มสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในฐานะนักขับที่เบรกหนักและโหดที่สุดของการแข่งขัน ปีที่สองของเขาในซูเปอร์ไบค์ได้ขึ้นโพเดียมไปถึง 13 ครั้ง และเป็นการคว้าชัยชนะไปได้ถึง 2 ครั้ง จากนั้นในปี 2020 เขาถูกทีม Pata Yamaha WorldSBK Team เซ็นสัญญาคว้าตัวไปร่วมทีม
การเซ็นสัญญาเข้าสู่สังกัด Yamaha กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญไปตลอดกาล เขาผงาดคว้าแชมป์โลก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ในปี 2021 กลายเป็นนักขับตุรกีคนแรกที่ประสบความสำเร็จในรายการนี้ ด้วยผลงานชนะ 13 สนาม ขึ้นโพเดียมรวมกันไปถึง 28 ครั้ง โค่นคู่แข่งสำคัญอย่าง โจนาธาน เรีย เจ้าของแชมป์โลก 6 สมัย ของทีมKawasaki
โทปราก ราซกลาติโอกลู ย้ายร่วมทีม BMW
ในฤดูกาล 2022-2023 ทีมYamaha ของเขาประสบปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถเค้นศักยภาพที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาได้ โดยจบเพียงแค่รองแชมป์โลกเท่านั้น ก่อนที่ในปี 2023 ต้นสังกัดจะเปิดกว้าง ไม่ปิดโอกาสเขาในการไปร่วมทดสอบกับทีมBMW ก่อนที่เขาจะย้ายไปขับให้ค่ายดังจากเยอรมนี
โทปราก ราซกลาติโอกลู ลุยศึก MotoGP
โทปราก ราซกลาติโอกลู ประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 กับทีม BMW ในปี 2024 และเริ่มมีข่าวเชื่อมโยงกับการแข่งขันในโมโตจีพี ทั้งการได้รับความสนใจจากทีมHRC Honda ที่มีข่าวว่าต้องการตัวเข้าไปแทนที่ ลูก้า มารินี่ ที่สัญญาจะหมดลงหลับจบฤดูกาล 2025 แต่ทว่าสุดท้ายกลายเป็น Yamaha ที่ปาดหน้าคว้าตัวไปร่วมทีม ภายใต้ทีมรองทีมใหม่ของพวกเขาอย่าง Prima Pramac Yamaha MotoGP
แม้ว่าจะเป็นการย้ายมาขับในฐานะทีมรอง แต่ก็มีข่าวว่าบอร์ดบริหารทีมพร้อมจะซัพพอร์ตเขาอย่างเต็มที่ในรูปแบบเดียวที่ทำกับ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ และ อเล็กซ์ รินส์ 2 นักขับของทีมโรงงาน
ในวัย 29 ปีเต็ม เขามีพร้อมทั้งประสบการณ์ในสนามและความสามารถ แม้อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับรถคันใหม่ที่มีความแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ด้วยพรสวรรค์และการปลูกฝังที่ได้รับมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะประสบความสำเร็จ
ในฤดูกาล 2026 ของการแข่งขันโมโตจีพี จึงเป็นอะไรที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการขับของ โทปราก ราซกลาติโอกลู ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เขาจะได้พูดประโยคติดตัวที่ว่า "ทุกชัยชนะคือการแข่งเพื่อพ่อ" ในระดับโมโตจีพีหรือไม่
แฟนๆมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามรับชมถ่ายทอดสดศึกโมโต จีพี 2026 ทุกสนามได้เหมือนเดิม ทางแอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์ นาว
Photo by : PANJI ANGGORO / AFP
