รีเซต
อภิชิต วิวัฒน์เวคิน : เจ้าของ Converse นับ 1,000 คู่ ผู้บอกว่า “Sneakerhead ไม่ได้วัดที่จำนวนรองเท้า” | Main Stand

อภิชิต วิวัฒน์เวคิน : เจ้าของ Converse นับ 1,000 คู่ ผู้บอกว่า “Sneakerhead ไม่ได้วัดที่จำนวนรองเท้า” | Main Stand

อภิชิต วิวัฒน์เวคิน : เจ้าของ Converse นับ 1,000 คู่ ผู้บอกว่า “Sneakerhead ไม่ได้วัดที่จำนวนรองเท้า” | Main Stand
เมนสแตนด์
13 พฤศจิกายน 2563 ( 13:30 )
820

Converse คือ แบรนด์รองเท้าที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นอมตะไม่เคยเปลี่ยนแปลง ความทนทานที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ทำให้แบรนด์ดังจากอเมริกา อยู่คู่วงการสนีกเกอร์ ทุกยุค ทุกสมัย และเป็นรองเท้าในดวงใจของใครหลายคน


 

อภิชิต วิวัฒน์เวคิน เจ้าของรางวัลสุดยอดแฟนพันธ์แท้รองเท้า Converse คือ หนึ่งในคนที่หลงใหลรองเท้า แบรนด์นี้อย่างมาก ถ้าจะถามว่ามากขนาดไหน ? ก็คงมากพอที่จะสร้างห้อง เพื่อเก็บรองเท้า Converse เกือบหนึ่งพันคู่ไว้ในนั้น

ทั้งจำนวนรองเท้าที่มีไว้ในครอบครอง และความรู้ที่ได้รับการการันตี ทำให้อภิชิต วิวัฒน์เวคิน ถูกมองว่าเป็นสุดยอดนักสะสมรองเท้า Converse ตัวจริงของประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ในใจลึก ๆ ของผู้ชายคนนี้เขาไม่เคยมองตัวเองว่าเป็นนักสะสมรองเท้า และไม่เคยคิดจะสะสมรองเท้าแม้แต่วันเดียว เขาเป็นเพียงแค่คนรักรองเท้าสนีกเกอร์คนหนึ่ง ที่มี Converse เป็นแบรนด์ในดวงใจ และซื้อรองเท้าเพียงเพื่อต้องการทำความรู้จัก กับสิ่งที่เขารัก

นี่คือเรื่องราวของ อภิชิต วิวัฒน์เวคิน ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มสะสมรองเท้า จากจุดเริ่มต้นที่เขาไม่ชอบรองเท้า Converse แม้แต่น้อย จนแปรเปลี่ยนกลายเป็นแบรนด์ในดวงใจ และถึงวันที่เริ่มอิ่มตัวกับการซื้อรองเท้า กับความหมายที่แท้จริงของการเป็น “สนีกเกอร์เฮด”

 

จุดเริ่มต้นความชื่นชอบรองเท้าสนีกเกอร์ของคุณมาจากไหน

ตอนนั้นผมอยู่ประมาณชั้นป.5 ลูกชายของคุณครูประจำชั้นใส่รองเท้ารุ่น Reebok Pump ผมเห็นแล้วรู้สึกสนใจมาก ประมาณว่าทำไมรองเท้าคู่นี้สามารถสูบลมเข้าไปในรองเท้า และปล่อยลมออกมาได้ รู้สึกว่ามันแปลกมาก

ผมอยากได้ก็ไปขอแม่ซื้อ ขออยู่นานมาก เพราะ Reebok Pump สมัยนั้นถือว่าแพง ราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนใส่รองเท้าอะไรก็ได้ แม่ซื้ออะไรให้ก็ใส่ ซึ่งราคาไม่แพง แต่ Reebok Pump แพงกว่ารองเท้าที่ผมเคยใส่เกินเท่าตัว

ผมขออยู่นานมาก สุดท้ายแม่ก็ยอมซื้อให้ โชคดีที่ว่าทางบ้านค่อนข้างพอมีฐานะด้วย

 

 

ความรู้สึกของคุณเป็นอย่างไร หลังจากได้ครอบครองรองเท้าสนีกเกอร์คู่แรกที่ตัวเองอยากได้

สุดยอดมากเลยนะ ผมรู้สึกว่านี่คือรองเท้าอีกระดับหนึ่ง จากที่ผมเคยใส่มาก่อนหน้านี้ เรื่องคุณภาพแน่นอนว่าดีอยู่แล้ว แต่เรื่องความเท่ ถือว่ากินขาดรุ่นอื่นมาก ผมรู้สึกเลยว่า นี่คือรองเท้าสนีกเกอร์คู่แรกของผมจริง ๆ

พอผมสนใจรองเท้า ก็สามารถเอาเป็นเรื่องไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทได้ แบ่งปันกันเรื่อง Nike, Reebok รวมถึง Converse

แต่ผมพูดตามตรง Converse ในกลุ่มเพื่อนผมไม่มีใครใส่หรอก คือสมัยผมเป็นเด็ก Converse มันเป็นรองเท้าที่ค่อนข้าง... (เงียบไปสักพัก) 

ใช้คำพูดแบบไหนดี คือมันเสี่ยว ผมขอโทษที่ต้องใช้คำนี้ มันเสี่ยวจริง ๆ ไม่มีใครเขาใส่กัน ผมหมายถึงเด็กวัยรุ่นในสมัยนั้นนะ

 

กลุ่มตลาดของ Converse ยุคนั้นจะเป็นคนที่อายุมากกว่าเราไปอีกเจเนอเรชั่น หรือเป็นคนที่ไม่ได้มีฐานะมากเท่าไหร่ เพราะรองเท้า Converse ราคาจะถูกกว่าพวก Nike หรือ Reebok

อันที่จริง Converse มีรองเท้าบาสเกตบอลขายเหมือนกัน แต่เรารู้สึกว่ารองเท้ามันไม่น่าสนใจเหมือน Nike หรือ Reebok 

เพราะตอนเป็นเด็กผมชอบรองเท้าที่มีเทคโนโลยี แบบเห็นแล้วรู้สึกว้าว เช่น Reebok Pump หรือ Puma Disc ผมค่อนข้างสนใจเรื่องพวกนี้ นั่งหาข้อมูลเอาแต่ละรุ่นมาเทียบกันว่า รุ่นไหนเป็นรองเท้าที่เทคโนโลยีดีกว่า

 

จากคนที่ไม่ชอบ Converse หันมาใส่รองเท้า Converse ได้อย่างไร

นั่นสิ ทำไมนะ (หัวเราะ) ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ผมคิดว่าตัวเองโตขึ้น พอมาเรียนอยู่ชันมัธยมปลาย ความคิดผมมันเปลี่ยนไป และแนวทางการชอบรองเท้าของผมก็เปลี่ยน เพราะผมเริ่มหันมาเล่นสเกตบอร์ด หันมาใส่ Vans, Airwalk 

ผมเริ่มไม่ได้ชอบรองเท้าที่เทคโนโลยี แต่หันมาชอบรองเท้าที่มีความทนทาน และด้วยความที่โตขึ้น เรารู้ว่าตัวเองชอบอะไร ผมรู้สึกว่ารองเท้าแนวนี้คือสไตล์ของผม

แต่ถ้าถามว่าทำไมผมถึงหันมาใส่ Converse คงเป็นเพราะว่ามันแตกต่าง เนื่องจากกลุ่มเพื่อนผมไม่มีใครใส่ Converse เลย  ผมจึงรู้สึกว่ามันน่าสนใจ หากเราจะใส่ Converse

จนกระทั่งผมไปเจอรองเท้า Converse รุ่น Jack Purcell สีกรมวางขายอยู่ที่โรงแรมอินทรา ผมชอบดีไซน์ของมันมาก เพราะมันมีขีดเป็นสีอยู่ที่หัวรองเท้า รู้สึกเหมือนเป็นเท้าของหุ่นยนต์ ผมรีบเก็บเงินซื้อเลย เป็นรองเท้า Converse คู่แรก

พอได้ลองใส่แล้ว ผมไม่รู้สึกว่า Converse มันดูไม่เท่แบบที่ตัวเองเคยคิด หรือคนอื่นจะมองว่าใส่ Converse แล้วดูไม่ดี ผมก็ไม่แคร์ ผมไม่สนว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่นี่คือรองเท้าที่ผมชอบ

 

 

หลังจากนั้นคุณมีความคิดจะสะสมรองเท้า Converse ไหม

ไม่ครับ ไม่มี จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ไม่เคยมีความคิดแม้แต่นิดเดียวว่าจะสะสมรองเท้า 

การที่ผมมีรองเท้าเยอะ มันเกิดจากเรื่องแค่ว่า ผมชอบรองเท้า และผมอยากได้ ก็ซื้อมาเรื่อย ๆ คู่ที่หนึ่ง คู่ที่สอง คู่ที่สาม ผมชอบคู่ไหน ผมก็ซื้อ จนกลายเป็นว่ามีรองเท้าเต็มบ้านแบบนี้ แค่นั้นเอง (หัวเราะ) 

 

อะไรที่ทำให้คุณชื่นชอบในรองเท้า Converse

ช่วงผมอายุประมาณ 25 ผมเริ่มทำงานมีเงิน เราอยากแต่งตัวให้ดูดี บวกกับความคิดที่โตขึ้น มันทำให้ทุกอย่งตกตะกอน ผมมานั่งคิดว่า รองเท้าแบรนด์ไหน จะตรงกับตัวตนของเราที่สุด ซึ่งผมรู้สึกว่า Converse มันใช่กับเรามากที่สุดแล้ว

เพราะ Converse เป็นรองเท้าที่เรียบง่าย แต่งตัวได้หลายแบบ ผมมองว่า Converse มันสะท้อนตัวตนของผมด้านการแต่งตัวได้ดี บางวันผมอยากแต่งตัวแบบร็อค ผมก็ใส่ได้ บางวันผมอยากลองแต่งแนวฮิปฮอป ก็ใส่ได้นะ 

ผมคิดว่า Converse เป็นรองเท้าที่คลาสสิค มีเสน่ห์ของตัวเองอยู่ ด้วยความที่มีรูปทรงเหมือนเดิมตลอด ทำให้รองเท้ามันมีความเป็นอมตะ อยู่กับคนได้ในทุกยุคทุกสมัย จะเป็นคนที่ชอบแฟชั่น หรือชอบกีฬา ก็สามารถแต่งตัวด้วยคอนเวิร์สได้

 

 

ปัจจุบันคุณมีรองเท้า Converse อยู่กี่คู่

ผมคิดว่าเกือบพันคู่ เพราะผมนับครั้งสุดท้ายได้ 800 คู่ แต่เวลาผ่านมาประมาณปีกว่าแล้ว ซึ่งระยะหลังผมได้รองเท้ามาใหม่ค่อนข้างเยอะ เพราะทาง Converse เขาส่งรองเท้ามาให้ผม เพราะผมเขียนรีวิวรองเท้าให้ทาง Converse ด้วย 

 

เวลาคุณจะซื้อสนีกเกอร์สักคู่ คุณตัดสินใจจากอะไร 

ช่วงแรกผมจะดูว่า ตัวเองชอบไหม ต่อมาคือ รองเท้าคู่นั้นเข้ากับผมไหม เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวของเราแค่ไหน ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องรุ่น หรือสตอรี่ของมันสักเท่าไหร่

หลังจากนั้น ผมจะเริ่มมาเน้นตามเก็บเป็นคอลเลคชั่นที่ผมอยากได้ เช่นรุ่น Music Collection ที่คอนเวิร์สจะไปทำกับวงร็อค พวก AC/DC, Metallica ผมก็ไปตามหาซื้อมา 

 

คุณเคยนั่งคิดบ้างไหมว่า ทำไมต้องมีรองเท้าเยอะขนาดนี้

คิด  คิดอยู่บ่อย ๆ (หัวเราะ) ผมเคยมานั่งคิดเหมือนกันว่า ทำไมเราต้องซื้อเยอะขนาดนี้ จนไม่มีที่จะวาง บางทีก็ไม่รู้จะซื้อทำไม แปลกดีเหมือนกัน

ตอนผมเริ่มซื้อรองเท้า คิดว่าถ้ามีสัก 100 คู่ ควรจะพอได้แล้ว เพราะมีรองเท้าตั้ง 100 คู่ มันเยอะมากนะ แต่พอเลยจุดนั้นมา ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว เพราะไม่ได้กระทบกับเรื่องการเงินของเรา ก็ซื้อต่อไปเรื่อย ๆ

 

 

คุณมีรองเท้า Converse เกือบพันคู่ คุณมองว่าตัวเองเป็นเหมือนกูรูของรองเท้า Converse ไหม

ไม่นะ ผมมองว่าตัวเองเป็นแค่คนที่รักรองเท้า Converse เท่านั้นเอง ทุกวันนี้ผมมองว่าความรู้เรื่องรองเท้า ใครก็หาได้ ทั้งจากอินเทอร์เน็ต หรือหนังสือ ซึ่งสือเหล่านี้ผมว่าช่วยได้เยอะนะ หลายเรื่องที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับสนีกเกอร์ ผมหามาได้จากการอ่านหนังสือ 

ผมเคยชนะรางวัลแฟนพันธ์ุแท้รองเท้า Converse มาก็จริง แต่ผมมองว่าตัวเองโชคดีมากกว่า เพราะตอนนั้นโปรดิวเซอร์รายการ เขาอยากได้คนมาแข่ง เป็นคนที่มีความรู้ทั้งเรื่องรองเท้าวินเทจของ Converse และรองเท้ารุ่นใหม่ 

ซึ่งคนสะสมรองเท้า Converse ในไทยทั้งสองกลุ่ม เขาจะแยกกันอย่างชัดเจน ถ้าเก็บวินเทจ ก็เก็บแค่วินเทจ ไม่เก็บรองเท้ารุ่นใหม่ สมัยก่อนคนเก็บรองเท้า Converse ในไทยจะมาสายนี้เยอะ

โชคดีที่ผมเป็นคนที่รู้เรื่องรองเท้าวินเทจ และรองเท้ารุ่นใหม่ของ Converse สมัยนั้นกลายเป็นมีน้อยมาก แค่หยิบมือเดียว ผมจึงได้ไปแข่ง ไปกับเพื่อนที่รู้จักกัน ไปแข่งเอาสนุก แต่ว่าดันชนะมา แค่นั้นเอง

 

คุณมีรองเท้า Converse มากขนาดนี้ มีความรู้สึกอิ่มตัวบ้างไหม 

ผมคิดกับตัวเองนะ ว่าเราอิ่มตัว เราพอกับมันหรือยัง ผมยอมรับว่าผมใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวในการสะสมรองเท้าแล้ว

ไม่ได้ความว่าผมอิ่มตัว ผมจะขายรองเท้าทิ้งหมดนะ ผมมีแพสชั่นกับรองเท้าเหมือนเดิม เท่าเดิม ทุกครั้งที่ผมได้จับรองเท้า ผมรู้สึกว่าเสน่ห์ของมันยังคงอยู่ไม่เคยหายไปไหน ผมยังคงหาความรู้เกี่ยวกับรองเท้าอยู่เสมอ

สิ่งที่เปลี่ยนไปคงเป็น ผมไม่รู้สึกว่า การที่ผมชอบรองเท้าสักคู่ ผมจำเป็นต้องซื้อมาเพื่อครอบครอง

สมัยก่อน ถ้าผมอยากได้รองเท้ารุ่นไหน ผมต้องตามหามาให้ได้ เหนื่อยแค่ไหนก็ยอม แต่ทุกวันนี้ ไม่ได้เป็นแบบนั้น บางรุ่นผมอยากได้มาก ชอบมาก แต่ว่าขี้เกียจไปตามหา ผมไม่ซื้อก็ได้ (หัวเราะ)

ทุกวันนี้สำหรับผม ผมรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ อาจจะเป็นเพราะผมเฉย ๆ กับการมีรองเท้าที่มันพิเศษ ออกไปใส่ให้ดูเท่ แต่ผมกลับชอบรองเท้าที่เรียบง่าย สามารถใส่ลุยได้ทุกที่มากกว่า

แต่สุดท้ายผมยังอินกับรองเท้าอยู่ หลายครั้งที่ผมรู้สึกว้าวกับมัน บางครั้งผมคิดว่าออกแบบมาแบบนี้จะขายได้เหรอ 

ผมยังมีรู้สึกกับ “รองเท้า” อยู่ตลอด

 

คุณมองว่าการที่คนจะรักรองเท้า ไม่จำเป็นจะต้องซื้อ หรือสะสมรองเท้า ?

ผมเกลียดมากคำว่า “ของมันต้องมี” เพราะมันไม่ต้องมีก็ได้

ผมมองว่าคนที่รักรองเท้าไม่จำเป็นจะต้องครอบครอง แต่มันอยู่ที่ความรู้สึกของเรามากกว่า เรารัก เราศึกษา เราหาความรู้ของมันมากแค่ไหน แลกเปลี่ยนความรู้พูดคุยกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า 

คำว่า “สนีกเกอร์เฮด” ไม่ได้วัดกันที่จำนวนรองเท้า หรือราคาของรองเท้า บางทีคุณมีรองเท้าแค่ 2 คู่ แต่คุณรู้ทุกเรื่อง ทุกอย่างเกี่ยวกับรองเท้า คุณก็คือสนีกเกอร์เฮดคนหนึ่ง

สำหรับผม ผมคิดว่า การรักรองเท้าอยู่ที่ความรู้สึก มากกว่าการเป็นเจ้าของ 

 

มีเป้าหมายอะไรไหม ในฐานะคนสะสมรองเท้า Converse ที่คุณอยากไปให้ถึง

สมัยก่อนมี ผมเคยตั้งใจว่า ผมจะต้องเก็บ Converse ให้ได้ทุกรูปทรง โดยเฉพาะรุ่นวินเทจ ซึ่งความจริงคือเป็นไปไม่ได้ (หัวเราะ) เพราะมันมีเยอะมาก คืออยากมีนะ เพราะเราอยากจะรับรู้ให้ได้ว่า แต่ละรูปทรงมันเป็นอย่างไร สัมผัสแบบไหน แต่ว่าตอนนี้ก็มาได้แค่นี้แหละ (หัวเราะ) 

 


 

คุณมีความคิดที่จะหันมาทำธุรกิจ กับรองเท้าบ้างไหม

ผมเคยทำนะ สั่งรองเท้าจากเมืองนอกมาขายต่อ แต่ผมก็เลิกไป เพราะรู้สึกมันไม่เหมาะกับผม ผมคิดว่าตัวเองเป็นนักสะสมมากกว่า

แต่ผมอยากทำนะ ธุรกิจสักอย่างโดยมีรองเท้าเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเปิดร้านอาหารแล้วนำรองเท้าไปเป็นของตกแต่งร้าน ประมาณนี้มากกว่า 

 

 

เราสามารถบอกได้ไหมว่า Converse คือความรัก และตัวตนของคุณ

ผมไม่มองว่าตัวเองเป็นคนที่รัก Converse เพราะผมเป็นคนรักรองเท้าสนีกเกอร์ เพียงแต่ Converse คือสนีกเกอร์ที่ใช่สำหรับผมเท่านั้นเอง 

ทุกวันนี้ ผมซื้อรองเท้ายี่ห้ออื่นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าสุดท้าย รองเท่าที่ผมชอบมากที่สุดคือ Converse ผมก็เลยซื้อ Converse แค่นั้นเอง เพราะสุดท้ายผมจะซื้อรองเท้าที่ผมชอบเท่านั้น

ผมคิดว่าตัวตนของผม คือสนีกเกอร์ และผมจะอยู่กับมันไปเรื่อย ๆ เพราะผมรักมันมาตั้งแต่ป.5 ผมคงไม่เปลี่ยนไปรักอย่างอื่นแล้วล่ะ 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> Nike Air Force 1 "Para-noise" รุ่นที่ 2 สนีกเกอร์สุดคูลจาก จี-ดราก้อน

>> Pain for Get – เจ็บแค่ไหนก็ยังไหวอยู่ : เคล็ด(ไม่)ลับ พร้อมวิ่ง ลดอาการเจ็บ

 

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

ยอดนิยมในตอนนี้