ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "เชลซี" กับการนำ สิงห์บลูส์ ตัวนี้กลับมาผงาด
ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21
เชลซี
บทสรุปผลงานซีซั่นก่อน
หากมองถึงการจบอันดับ 4 ของตาราง คว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า แถมได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ แม้ว่าจะอกหักได้เพียงแค่รองแชมป์ก็ตาม ก็ต้องถือว่า เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมวัยหนุ่ม ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย กับการจบซีซั่นแบบนี้ เพราะอย่าลืมว่าตั้งแต่ต้นฤดูกาล จนถึงกลางฤดูกาล ที่ตลาดเปิดซื้อขายนักเตะ ทัพ "สิงห์บลูส์" ไม้ได้มีการเสริมทีมเลยแม้แต่คนเดียว
แลมพาร์ด เริ่มต้นซีซั่น 2019/20 ได้แบบย่ำแย่อย่างมาก เพียงแค่นัดแรกของศึกพรีเมียร์ลีก ก็บุกไปโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถลุงแบบเละเทะ 4-0 ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ลอยเข้ามาทันทีว่า เจ้าตัวเหมาะที่จะรับงานระดับนี้หรือไม่
ทว่า แลมพาร์ด ก็ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา ค่อยๆ ปรับจูนทัพ "สิงห์บลูส์" ที่เต็มไปด้วยขุนพลพลังหนุ่มของเขาให้มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน แต่สวยงาม แถมยังมีประสิทธิภาพ ทำให้ 18 นัดแรกของซีซั่น ทีมแพ้ไป 6 นัด และเสมอ 2 นัด นอกนั้นอีก 10 นัดเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยกับทีมที่อุดมไปด้วยวัยรุ่นเกือบทั้งทีม
นอกจากฟอร์มการเล่นที่ค่อยๆ ดีวันดีคืนแล้ว เชลซี ยังได้แจ้งเกิดนักเตะดาวรุ่งมากมาย ซึ่งหลายคนก่อนหน้านี้ยังไม่เป็นที่รู้จักด้วยซ้ำไป ทั้ง แทมมี่ อับราฮัม, เมสัน เมาท์, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, ฟิกาโย่ โทโมริ, รีซ เจมส์ และ บิลลี่ กิลมอร์ เหล่านี้คือแข้งที่เติบโตมาจากทีมเยาวชนแทบทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมี คริสเตียน พูลิซิช ที่ทีมทำการซื้อตัวมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนหน้านู้น ก่อนจะย้ายมาเล่นในซีซั่นที่ผ่านมาแบบเต็มตัว และก็มาแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกได้อย่างสวยงาม
ในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง แม้ฟอร์มการเล่นของ เชลซี จะขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แถมมีบางช่วงฟอร์มหล่นหายไปดื้อๆ แต่ทีมก็ยังเกาะกลุ่มอยู่ในท็อปโฟร์มาโดยตลอด ไม่มีหลุดจาก 4 อันดับแรกเลย และถึงแม้ว่าเกมฟาดแข้งพรีเมียร์ลีกจะหยุดเตะไปนานหลายเดือน เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อกลับมาแข่งกันอีกครั้ง ทีมก็ยังรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ แม้ว่าในช่วงท้ายซีซั่นทีมจะตกอยู่ในความกดดัน เพราะต้องแย่งชิงโควต้าอันดับ 3 และ 4 กับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตาม
และผลสรุปสุดท้าย เมื่อจบซีซั่น ก็อย่างที่เรารู้กัน แลมพาร์ด ก็ยังสามารถนำพาทัพ "สิงห์บลูส์" ตัวนี้ จบอันดับ 4 ได้สำเร็จ แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามารับงานกุนซือเพียงแค่ปีแรกก็ตาม
ขุมกำลังซีซั่นนี้
หลังจากอัดอั้นตันใจมานานแสนนาน กับการโดนลงโทษห้ามซื้อขายนักเตะตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่นก่อน และแม้ว่าทีมจะพ้นโทษสามารถจับจ่ายได้แล้วในตลาดซื้อขายฤดูหนาว แต่ทีมก็ยังอั้นไว้ไม่ยอมเสียเงินแม้แต่ปอนด์เดียว ยังใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในทีม จนทำให้นักเตะดาวรุ่งหลายๆ คน แจ้งเกิดขึ้นมาในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว แถมทีมก็ยังสามารถจบอันดับ ที่ 4 ได้ไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลใหม่ที่จะถึงได้อีกด้วย
ก็อย่างที่เขาบอกแหละครับ อะไรที่มันอั้นไว้นานๆ เมื่อมันแตกทะลักออกมา อะไรก็มาหยุดไว้ไม่อยู่จริงๆ เมื่อ "เสี่ยหมี" โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีเจ้าของทีมชาวรัสเซีย สั่งเดินหน้าเสริมทีมเต็มที่ และไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน เดี๋ยวเฮียเซ็นเช็คจ่ายให้เอง ซึ่งนั่นก็ทำให้ แลมพาร์ด เริ่มอภิมาโครงการเสริมทัพทันที
ประเดิมด้วย ฮาคิม ซีเย็ค แนวรุกชาวโมร็อคโค ที่สอยจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หลังจากนั้น ทีมก็ไปฉกตัว ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าสุดฮอตทีมชาติเยอรมัน มาร่วมทีมแบบหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ทุกฝ่ายลงความเห็นแล้วว่า ดาวยิงไลป์ซิก จะย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล แน่นอน และนี่คือสองนักเตะที่ได้มาตั้งแต่ยังไม่จบซีซั่น
และเมื่อจบฤดูกาลเรียบร้อย ทีมก็ยังเดินหน้าเสริมทัพแบบไม่กลัวกระเป๋าแหก จัดการสอย เบน ชิลเวลล์ แบ็กซ้ายดาวรุ่งมาจาก เลสเตอร์ ตามมาด้วยคว้าตัว ติอาโก้ ซิลวา กองหลังทีมชาติบราซิลมาแบบฟรีๆ รวมทั้ง มาล็อง ซาร์ กองหลังดาวรุ่ง ที่เซ็นฟรีเหมือนกัน แถมล่าสุดได้ตัว ไค ฮาแวร์ตซ์ กองกลางสุดฮอตจาก เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทัพเรียบร้อย และแว่วๆ มาอีกว่า ทีมก็กำลังเล็งนายทวารคนใหม่อีกคนด้วย และมีชื่อของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า จอมหนึบของ เอซี มิลาน เป็นเป้าหมาย ซึ่งหากว่าได้มาครบทุกคนอย่างที่เอ่ยชื่อมา หน้าตาของทีมจากซีซั่นที่แล้ว กับซีซั่นใหม่นี้ จะเปลี่ยนแปลงไปแบบสิ้นเชิงเลยทีเดียว
มีเข้าก็ต้องมีออก ฉันใดก็ฉันนั้น 2 นักเตะตัวเก๋าอย่าง วิลเลี่ยน และ เปโดร โรดริเกซ ก็ต้องเก็บกระเป๋าเดินออกจากทีมไป โดยปีกชาวบราซิล ได้ย้ายข้ามฝากไปร่วมทีม อาร์เซน่อล คู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนแบบฟรีๆ เช่นเดียวกับ เปโดร ที่โยกไปค้าแข้งกับ โรม่า ในกัลโช่ เซเรีย แบบไม่มีค่าตัว ส่วน มาริโอ ปาซาลิช นั้น ทีมก็ตัดสินใจขายขาดให้กับ อตาลันต้า ไปแล้ว ส่วนนักเตะคนอื่นๆ ก็มีข่าวแว่วๆ มาว่าอาจจะปล่อยออกจากทีมอีกหลายคนเหมือนกัน ที่อยู่ในข่ายก็มีชื่อของ จอร์จินโญ่, เอเมอร์สัน พัลไมรี รวมทั้ง มาร์กอส อลอนโซ่ ก็ติดมาด้วยเหมือนกัน
คีย์แมนที่น่าจับตามอง
หากให้เลือกนักเตะที่จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ สิงห์บลูส์ ตัวนี้ประสบความสำเร็จ บรรดานักเตะใหม่ที่ย้ายเข้ามาสู่ทีมเป็นได้ทุกคน เพราะแต่ละคนถือว่าเป็นนักเตะที่ แลมพาร์ด หวังให้เข้ามาช่วยยกระดับ และเพิ่มศักยภาพให้กับทีม รวมทั้งผนึกกำลังกับผู้เล่นชุดเก่าที่มีอยู่แล้ว
แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็ขอเลือกเป็นนักเตะใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา 2 คน และนักเตะเก่าอีกหนึ่งคน โดย 2 นักเตะใหม่นั้น คนแรกขอยกให้ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงทีมชาติเยอรมัน เป็นคนที่จะเข้ามาช่วยให้แนวรุกของ เชลซี เฉียบคม และหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพราะเจ้าตัวสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรุก จะเป็นปีก เป็นหน้าเป้า หรือ หน้าต่ำ ก็ทำได้หมด การันตีได้จากผลงานการถล่มประตู และแอสซิสต์ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หากเจ้าตัวสามารถจูนติดกับแนวรุกคนอื่นๆ ได้เร็ว รับรองว่าเกมรุกของทีมจะร้อนแรงทะลุนรกแน่นอน
ส่วนนักเตะใหม่อีกคนที่น่าจับตามองมากๆ คือ ติอาโก้ ซิลวา กองหลังตัวเก๋าทีมชาติบราซิล ที่น่าจะเข้ามาช่วยทำให้เกมรับของทีมแข็งแกร่ง และเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น ฤดูกาลที่แล้วที่ เชลซี ไปไม่สุดถึงตำแหน่งแชมป์ใดๆ เลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกมรับที่เสียประตูง่ายเกินไป นักเตะในแนวรับที่มีอยู่ก็จัดว่าฝีเท้าใช้ได้ แต่เหมือนจะขาดผู้นำ ดังนั้น ติอาโก้ นี่แหละที่จะเข้ามาจัดระเบียบ และเป็นหัวใจสำคัญให้กับเกมรับของทีม และจะช่วยยกระดับกองหลังคนอื่นๆ ให้โชว์ฝีเท้าได้ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น เหมือนที่ ลิเวอร์พูล มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยังไงยังงั้นเลย
ขณะที่อีกคนนึง ซึ่งเป็นนักเตะเก่า แต่เขานี่แหละจะเป็นตัวแปรสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ทีมไปได้ไกลแค่ไหน และเขาคนนั้นก็คือ คริสเตียน พูลิซิช นั่นเอง ต้องยอมรับว่าหลังพรีเมียร์ลีกกลับมารีสตาร์ทเตะกันใหม่ และ เชลซี ยังมีผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะฟอร์มการเล่นอันกระฉูดแตกของ ดาวเตะทีมชาติสหรัฐอเมริกา นี่เอง หลังจากที่ช่วงกลางฤดูกาลเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ และต้องพักยาว ก็ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของทีมไม่ใช่น้อย แต่ในความโชคดีก็มีความโชคร้าย เพราะด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดการฟาดแข้ง พูลิซิช จึงได้รักษาอาการเดี้ยง และหายกลับมาทันเวลาพอดี และมาช่วยให้ทีมกลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง
ซึ่งในฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้ หาก พูลิซิช สามารถยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้มากกว่าฤดูกาลที่แล้ว และเล่นได้เข้าขาและรู้ใจกับ แนวรุกคนอื่นๆ อย่าง แวร์เนอร์ หรือ ซีเย็ค ได้เร็วมากเท่าไหร่ ผลงานของทีมก็ยิ่งไปไกลมากขึ้นเท่านั้น
บทวิเคราะห์และทำนายอันดับ
"เสี่ยหมี" และ แลมพาร์ด จับมือกันคัดเลือกนักเตะ และทุบกระปุกลงทุนดึงนักเตะชื่อดังมาเสริมทีมในเกือบทุกๆ ตำแหน่งขนาดนี้ แน่นอนว่า เป้าหมายเดียวที่ "สิงห์บลูส์" ตัวนี้จะต้องไปให้ถึง นั่นคือตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก สถานเดียวเท่านั้น
แต่ก็อย่างว่าฟุตบอลของจริง การทำศึกในลีกสูงสุดผู้ดี มันไม่ใช่การคุมทีมแบบในเกม Fantasy Premier League ที่จะดึงนักเตะชื่อดังมารวมทีมกันเยอะๆ แล้วทีมจะโชว์ผลงานร้อนแรง เก็บชัยชนะได้แบบรัวๆ แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาปรับ เวลาจูน ให้นักเตะชุดใหม่กับชุดเก่าผสมผสานกันได้แบบลงตัว และเป็นเนื้อเดียวกันเสียก่อน ผลงานของทีมถึงจะออกมายอดเยี่ยมแบบที่หวัง
ดังนั้นนี่จึงถือเป็นงานยาก และเป็นความท้าทายของ แลมพาร์ด เลยก็ว่าได้ ที่จะทำยังไงให้ทีมของเขากลายเป็นทีมที่มีส่วนผสมที่กลมกล่อมได้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าหากทำได้แน่นอนว่า เชลซี จะเป็นทีมที่น่ากลัวอย่างมาก เพราะนักเตะแต่ละคนที่อยู่ในทีมถือว่าเป็นระดับตัวท็อปทั้งนั้น ไม่ว่าเจอกับทีมไหน มั่นใจว่าสู้ได้สบายแน่นอน ไม่เว้นแม้กระทั่ง ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ของตัวกุนซือเอง หรือตัวนักเตะเอง ต้องถือว่ายังเป็นรองทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์ทีมอื่นๆ โอกาสที่จะขึ้นไปถึงตำแหน่งแชมป์ ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่ยากแน่นอน ปีนี้อาจจะเป็นปีของจุดเริ่มต้นในการสร้างทีมเพื่อปูทางไปสู่การคว้าแชมป์ในซีซั่นต่อๆ ไป มากที่สุดยังคิดว่า แลมพาร์ด จะพาทีมไปได้แค่รองแชมป์เท่านั้น
อันดับที่คาด : อันดับที่ 2
ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21
• ลิเวอร์พูล
• แมนเชสเตอร์ ซิตี้
• แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด .. กับปีที่ต้องมองไกลกว่าท็อปโฟร์
• เชลซี .. กับการนำ สิงห์บลูส์ ตัวนี้กลับมาผงาด
• เลสเตอร์ ซิตี้ .. กับการทวงคืนอันดับ 4 ที่พลาดไป
• สเปอร์ส .. กับการปีนกลับขึ้นสู่บิ๊ก 4 อีกครั้ง
• วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส .. กับความหวังในการไปยุโรป
• อาร์เซน่อล .. กับภารกิจทวงความยิ่งใหญ่
• เอฟเวอร์ตัน .. กับฤดูกาลพิสูจน์ฝีมือ คาร์โล อันเชลอตติ
• ลีดส์ ยูไนเต็ด .. กับการคัมแบ็กสู่พรีเมียร์ลีกในรอบ 16 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "อาร์เซน่อล" กับภารกิจทวงความยิ่งใหญ่
ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "เลสเตอร์ ซิตี้" กับการทวงคืนอันดับ 4 ที่พลาดไป
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่