รีเซต
ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" กับปฏิบัติการทวงคืนแชมป์

ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" กับปฏิบัติการทวงคืนแชมป์

ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" กับปฏิบัติการทวงคืนแชมป์
BALLYSLAM
10 กันยายน 2563 ( 22:00 )
954
3

ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

บทสรุปผลงานซีซั่นก่อน

หากเป็นทีมอื่น แล้วจบซีซั่นด้วยการเป็น "รองแชมป์" ที่เป็นรองเพียง ลิเวอร์พูล สุดยอดทีม พ.ศ.นี้ ก็อาจจะถือว่าเป็นฤดูกาลที่น่าพอใจ และไม่น่าผิดหวังเท่าไหร่ แต่มันไม่ใช่กับทีมที่ชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า น่ะสิ

หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอดมาถึง 2 ซีซั่นติดกัน โดย ฤดูกาล 2017/2018 คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยการเก็บแต้มไปถึง 100 คะแนน ต่อมา ฤดูกาล 2018/2019 ก็แซงหน้า "หงส์แดง" คว้าแชมป์แบบที่ทำให้เหล่า "เดอะค็อป" น้ำตาตกกันทั้งโลก พอมาฤดูกาลที่แล้ว ก่อนเริ่มต้นซีซั่น หลายคนก็มองว่า กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสอย่างมากที่จะทำสถิติพาทีมคว้าแชมป์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เพื่อต่อยอดความยิ่งใหญ่ของ "เรือใบสีฟ้า" ลำนี้

แต่ก็นั่นแหละครับ ทุกอย่างในโลก ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป เป็นเรื่องที่ แมนฯ ซิตี้ ก็หนีไม่พ้น เมื่อทีมกลับเล่นได้อย่างผิดฟอร์มจากซี่ซั่นก่อนๆ อย่างมาก จากทีมที่แพ้ยาก ชนะง่าย ยิ่งประตูได้เป็นกอบเป็นกำ กลายเป็นทีมกองหลังรั่วเป็นประตูน้ำ แถมยังสามารถแพ้ทีมไหนก็ได้ในลีกไปแล้ว ทำให้ผลงานที่ออกมาไม่ค่อยจะโสภาเท่าไหร่ บวกกับความร้อนแรงที่มาจากความแค้นของ ลิเวอร์พูล ที่ควบตะบึงไปข้างหน้าโกยชัยชนะ โกยแต้ม ประหนึ่งสิบล้อเมายาบ้าเบรคแตก ไม่มีทีมไหนสามารถหยุดยั้งพายุแรงแค้นนี้ได้เลย ทำให้การรั้งจ่าฝูงของ "หงส์แดง" กับการครองรองจ่าฝูงของ "เรือใบสีฟ้า" เป็นอันดับ 1 และ 2 ที่ช่างห่างไกลกันหลายปีแสงเหลือเกิน

ช่วงปลายๆ ครึ่งซีซั่นแรก หลายคนก็มองว่า เดี๋ยวรออีกเดี๋ยว เป๊ป คงจะนำทีมกลับมาสู่ฟอร์มเดิม กลับมายืนที่เดิมได้แน่นอน แต่ก็อย่างที่ทราบๆ กัน มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทีมยังคงมีข้อผิดพลาด และทำแต้มหล่นหายหลายต่อหลายนัด แถมฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็ไม่มีข้อผิดพลาดเลย จนพ้นช่วงหลังปีใหม่ ประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ก่อนที่โควิด-19 จะมา แชมป์ก็แทบจะแบเบอร์แล้วว่าเป็นของยอดทีมจากถิ่นแอนฟิลด์ เพราะช่องว่างของแต้มมันไกลกันสุดกู่จริงๆ

จากนั้นก็อย่างที่รู้กัน ลีกต้องหยุดพักหลายเดือนเพราะเจ้าโควิด-19 แต่พอกลับมาเตะอีกครั้ง มันก็แทบไม่มีความหมายสำหรับ แมนฯ ซิตี้ แล้ว เพราะไอ้ครั้นจะให้ไปลุ้นแชมป์ได้อีกครั้ง มันยากเสียยิ่งกว่าการการทำให้หวยรางวัลที่ 1 ออกเลข 999997 เสียอีก ทำให้ เป๊ป แค่ประคองทีม ประคองตัวให้จบอันดับที่ 2 เท่านั้น และไปเบนเป้าไปในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แทนนั่นเอง

และถึงแม้จะทุ่มเทอย่างสุดกำลังในฟุตบอลถ้วยยุโรป เพราะเป็นถ้วยที่ เป๊ป และ "เรือใบสีฟ้า" โหยหาเหลือเกิน แต่วาสนาคนเราก็อย่างว่ามันแข่งกันไม่ได้ ทำให้ทีมที่โชว์ฟอร์มมาอย่างดีในรอบก่อนหน้านี้ ต้องมาตกม้าตายในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่าย โอลิมปิก ลียง แบบสุดเหลือเชื่อ อกหักจากรายการนี้ไปอีกครั้ง

แต่ถึงอย่างไร เมื่อจบซีซั่น ทีมก็ยังมีรางวัลปลอบใจเล็กๆ ด้วยการคว้าแชมป์คาราบาวคัพ มาครองได้อีกครั้ง และก็ได้อันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีกตามคาด ซึ่งหากเป็นทีมอื่นก็ถือว่าบทสรุปของซีซั่นไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย แต่หากลองไปถามใจแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ และ ตัวของ กวาร์ดิโอล่า แล้วล่ะก็ คำตอบที่ได้ก็คงต้องบอกว่า เป็นซีซั่นที่น่าผิดหวังอย่างที่สุดจริงๆ

ขุมกำลังซีซั่นนี้

ก่อนจะจบฤดูกาล ดาบิด ซิลบา กองกลางตัวเก่งระดับตำนานของทีม ได้ออกมาประกาศแล้วว่า จบซีซั่นเมื่อไหร่เขาจะย้ายทีมทันที เพราะรู้สึกอิ่มตัวกับ แมนฯ ซิตี้ แล้ว และนี่คือโจทย์ใหญ่ที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องเจอเพราะที่ผ่านมา ดาวเตะสเปน คือหัวใจในแดนกลางของทีมมาโดยตลอด

เมื่อรู้สถานการณ์แบบนี้แล้ว เป๊ป ก็ไม่รอช้า รีบทาบทามตัว เฟร์ราน ตอร์เรส มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน จาก บาเลนเซีย ทันที และก็สามารถปิดดีลได้อย่างรวดเร็ว แบบที่ไม่ต้องรอ 48 ชั่วโมง เพื่อนำมาเป็นตัวตายตัวแทนของ ซิลบา นั่นเอง นอกจากนี้ ทีมก็พร้อมดัน ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งที่แจ้งเกิดได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อซีซั่นที่แล้ว ให้ขึ้นมาเป็นตัวหลัก เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ของ "เรือใบสีฟ้า"

อีกปัญหาหนึ่งเมื่อซีซั่นที่แล้ว ที่ เป๊ป ต้องปวดหัวมาโดยตลอด คือตำแหน่งผู้เล่นในเกมรับ โดยเฉพาะปราการหลังตัวกลาง นั่นเอง หลังจากที่ แวงซองต์ กอมปานี ย้ายออกจากทีมไปก็ทิ้งช่องโหว่ไว้ให้รูใหญ่มาก ไม่ว่า เป๊ป จะจับใครมาเล่นแทนก็ไม่สามารถเติมเต็มได้ อีกทั้งนักเตะในตำแหน่งเซนเตอร์ก็ดันนัดกันเจ็บ จนต้องถอยเอา แฟร์นานดินโญ่ จากที่เล่นกองกลางตัวรับ มายืนเป็นกองหลังแทน ซึ่งก็ทำได้ดีระดับหนึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาถาวร

 

ดังนั้น พอจบฤดูกาลที่แล้ว นายใหญ่ "เรือใบสีฟ้า" ก็ไปเดินหน้าแบบรวดเร็วอีกแล้ว จัดการรวบหัวรวบหางคว้า นาธาน อาเก้ กองหลังสุดเนื้อหอมจาก บอร์นมัธ มาเข้ามาสู่ทีม เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในจุดนี้ ซึ่งก็มีข่าวว่า เป๊ป ยังไม่ค่อยพอใจในกองหลังที่มีอยู่ ยังอยากที่จะได้คัว คาลิดู คูลิบาลี่ ปราการหลังชื่อดังของ นาโปลี มาอุดรอยรั่วอีกคน ซึ่งตอนนี้ก็มีข่าวพัวพันกันอีรุงตุงนังไปหมด ซึ่งคงต้องรอดูต่อไปว่าทีมจะได้ตัวมาหรือไม่

ขณะที่ นักเตะในตำแหน่งอื่นๆ ทีมก็ยังสามารถรั้งดาวเตะชื่อดังไว้ได้ทั้งหมด ทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เควิน เดอ บรอยน์, เซร์คิโอ อเกวโร่, อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อายเมอริค ลาปอร์ต รวมทั้ง ริยาด มาห์เรซ ทำให้ทีมยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งอยู่

ส่วนดีลที่น่าเสียดาย และน่าเจ็บใจที่สุด ที่ เป๊ป คงผิดหวังไม่น้อย คือการที่ทีมเกือบจะได้ตัว ลิโอเนล เมสซี่ ซูปเปอร์สตาร์ของ บาร์เซโลน่า มาร่วมทีมอยู่แล้ว ทว่าด็ต้องเจอสัญญามหาภัย ที่มีค่าฉีกสัญญาถึง 700 ล้าน ยูโร ทำให้ ดาวเตะอาร์เจนติน่า ตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กับ บาร์ซ่า ต่อไป ทำให้ทีมชวดได้ตัวนักเตะที่ดีที่สุดในโลกมาร่วมทีม

ซึ่งจากการที่ทีมชวดได้ตัว เมสซี่ ทำให้ขุมกำลังของ เป๊ป ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับซีซั่นที่แล้ว ถือว่าไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า น่าจะต้องมีการเสริมทัพอีกแน่นอน เพราะถ้าใช้ชุดนักเตะชุดนี้ในการสู้ศึกพรีเมียร์ลีก ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถแซงหน้า ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์เก่าที่ยังคงยอดเยี่ยม หรือแม้กระทั่ง เชลซี ที่เสริมทีมแบบสุดโหด ได้หรือเปล่า อันนี้ยังเป็นคำถามที่รอคำตอบอยู่ นั่นเอง

คีย์แมนที่น่าจับตามอง

 

หากจะให้เลือกนักเตะที่มีอิทธิพล และเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาให้ "เรือใบสีฟ้า" ลำนี้แล่นไปได้ไกลถึงจุดหมาย ก็คงต้องขอยกให้ เควิน เดอ บรอยน์ เจ้าของตำแหน่งนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปีประจำฤดูกาล 2019/2020 จากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PFA) นั่นเอง ด้วยผลงานการยิงไป 13 ประตู และทำอีก 20 แอสซิสต์ ในซีซั่นที่ผ่านมา ปฎิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือหัวใจสำคัญของทีมที่จะขาดไม่ได้เลย

หากในซีซั่นใหม่นี้ ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมยังคงรักษาฟอร์มการเล่น หรือยกระดับให้สูงขึ้นได้มากกว่านี้ แน่นอนว่า แมนฯ ซิตี้ จะมีฟอร์มการเล่นที่เปล่งปลั่ง และยากที่จะหาทีมไหนมาหยุดเกมรุกได้อย่างแน่นอน

อีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่สามารถพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของยุโรปได้แล้ว เมื่อซีซั่นที่แล้ว ปีกทีมชาติอังกฤษ กลายเป็นตัวความหวังในการถล่มประตูของทีมไปแล้ว เมื่อเจ้าตัวซัดไปถึง 20 ลูก กับทำอีก 4 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ สเตอร์ลิ่ง จะยิงประตูได้ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเทียบกับโอกาสการยิงที่ได้มา ก็ต้องบอกว่าน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน หลายต่อหลายครั้งที่เจ้าตัวเอาโอกาสไปทิ้งลงชักโครก ยิงประตูได้อย่างน่าผิดหวัง จนทำให้ทีมชวดเก็บชัยชนะ หรือคว้าผลเสมอได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เตะกับ ลียง หากลูกยิงจ่อๆ หน้าปากประตูลูกนั้นเปลี่ยนเป็นสกอร์ แมนฯ ซิตี้ ก็อาจจะไม่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็เป็นได้ ดังนั้นถ้าเจ้าตัวสามารถพัฒนาในด้านการจบสกอร์ให้เฉียบคมได้มากยิ่งขึ้น รับรองว่าความสยดสยองจะมาเยือนแนวรับฝ่ายตรงข้าม อย่างแน่นอน

อีกคนขอจิ้มไปที่ ฟิล โฟเด้น มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 20 ปี ที่ว่ากันว่านี่คือคนที่จะมาเป็นตัวแทนของ ดาบิด ซิลบา ที่โบกมือลาทีมไปแล้ว เมื่อซีซั่นที่แล้ว ดาวเตะทีมชาติอังกฤษได้ถูกดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ และก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังเป็นตัวจริง สลับกับสำรองในหลายๆ นัด

ทว่าในฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้ คาดกันว่า เป๊ป น่าจะดัน โฟเด้น ขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมแบบเต็มตัวแล้ว เนื่องจากสามารถเล่นได้เข้ากับระบบ และสามารถประสานงานกับนักเตะในแผงมิดฟิลด์คนอื่นๆ ได้อย่างลงตัว และว่ากันว่าในซีซั่นใหม่นี้ น่าจะถึงเวลาที่ กองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้จะได้โชว์ฝีเท้า และปล่อยของได้อย่างเต็มที่ ได้มากกว่าปีที่ผ่านมาเสียอีก

บทวิเคราะห์และทำนายอันดับ

ถ้าว่ากันตามตรง ในซีซั่นใหม่ที่จะถึงนี้ เป้าหมายของ เป๊ป และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อยากได้เป็นอันดับหนึ่ง น่าจะเป็นถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มากกว่า เพราะทีมยังไม่เคยได้ หรือแม้กระทั่งเฉียดใกล้เลย แต่อย่างไรก็ตาม แชมป์พรีเมียร์ลีก ยังไงสะก็คือภาคบังคับ เป็นถ้วยที่ยังไงก็ต้องเอา ต้องทำทุกวิถีทางให้ได้มา เพราะฤดูกาลที่แล้วค่อนข้างเสียหน้าไปพอสมควรที่ถูก ลิเวอร์พูล ทำแต้มทิ้งห่างไปไกล

ฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงนี้ เชื่อว่า กุนซือชาวสเปน จะรีดกำลังกาย กำลังสมอง และคิดค้นไอเดียใหม่ๆ ในการทำทีมออกมา เพื่อนำมาต่อกรกับ ลิเวอร์พูล คู่แข่งอันดับ 1 ในการแย่งแชมป์ รวมทั้ง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พร้อมจะขึ้นมาเสียบอยู่ตลอดเวลา

หากมองถึงขุมกำลังก็ถือว่ายังเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมอยู่ และมีศักยภาพพอที่จะถึงแชมป์ได้ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังดูไม่สุด เพราะนักเตะใหม่ที่ดึงเข้ามา เป็นเพียงนักเตะระดับเกรด B เท่านั้น ยังไม่ใช่นักเตะที่จะเข้ามาเพิ่มเขี้ยวเล็บ หรือยกระดับการเล่นของทีมให้ก้าวกระโดดได้ ซึ่งถ้าหากทีมหยุดเสริมทีมแค่นี้เรื่องการกลับไปคว้าแชมป์รับรองว่ายากแน่นอน

แต่หากทีมได้นักเตะระดับท็อปของโลกมาเสริมทีมอีกสัก 1-2 คน แน่นอนว่า ศักยภาพและความแข็งแกร่งของ "เรือใบสีฟ้า" จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า บวกกับมันสมอง และแผนการเล่นอันสุดยอดของ เป๊ป ก็น่าจะช่วยให้ทีมได้ลุ้นแชมป์ บดเบียดกับ "หงส์แดง" ได้ถึงท้ายซีซั่นอย่างสนุกสนาน แน่นอน

ทีนี้ต้องมาดูกันว่า อีกประมาณหนึ่งเดืนกว่าๆ ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดลง แมนฯ ซิตี้ จะได้ใครมาเข้าทีมอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มี อย่าว่าแต่แชมป์เลย เผลอๆ อันดับรองแชมป์ ก็อาจจะไม่ได้ด้วยซ้ำ

อันดับที่คาด : อันดับที่ 2

ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21

ลิเวอร์พูล

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ .. กับปฏิบัติการทวงคืนแชมป์

• แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด .. กับปีที่ต้องมองไกลกว่าท็อปโฟร์

เชลซี .. กับการนำ สิงห์บลูส์ ตัวนี้กลับมาผงาด

เลสเตอร์ ซิตี้ .. กับการทวงคืนอันดับ 4 ที่พลาดไป

• สเปอร์ส .. กับการปีนกลับขึ้นสู่บิ๊ก 4 อีกครั้ง

• วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส .. กับความหวังในการไปยุโรป

• อาร์เซน่อล .. กับภารกิจทวงความยิ่งใหญ่

• เอฟเวอร์ตัน .. กับฤดูกาลพิสูจน์ฝีมือ คาร์โล อันเชลอตติ

• ลีดส์ ยูไนเต็ด .. กับการคัมแบ็กสู่พรีเมียร์ลีกในรอบ 16 ปี

-------------------------------------------------

ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก ได้ฟรีทางช่อง ไอดี สเตชั่น ง่ายๆเพียงแค่สมัครสมาชิกทรูไอดีและล็อคอิน สมัครสมาชิกทรูไอดีได้ที่นี่ ก็สามารถดูบอลสดได้เลยทันที !!

-------------------------------------------------

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" กับปีที่ต้องมองไกลกว่าท็อปโฟร์

ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "เชลซี" กับการนำ สิงห์บลูส์ ตัวนี้กลับมาผงาด

ยอดนิยมในตอนนี้